Wednesday, August 20, 2025

ผวจ.หนองคาย พร้อมเกษตรและสหกรณ์จังหวัดหนองคาย พาหัวหน้าส่วนราชการ สื่อมวลชนไปยามกลุ่มประกอบอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหมบ้านหนองยาง ที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นด้านการทอผ้าไหมไทยแท้อันทรงคุณค่า


วันที่ 20 ส.ค. 2568 นายสมภพ สมิตะสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานเปิดโครงการผู้ว่าพาไปยาม ครั้งที่ 4 ประจำปี 2568 ณ ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ หนองคาย หมู่ที่ 6 บ้านหนองยาง ต.เฝ้าไร่ อ.เฝ้าไร่ จ.หนองคาย โดยมีนางสุวรรณี ศิริวรรณ์หอม เกษตรและสหกรณ์จังหวัดหนองคาย กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของโครงการฯ,  นายสุกรรณ  ปัญสวัสดิ์ ผู้อำนวยการศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ หนองคาย กล่าวรายงานสถานการณ์อาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมในพื้นที่จังหวัดหนองคาย


ในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ เป็นการนำเสนอผลงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จังหวัดหนองคาย ในด้านต่างๆ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย นำหัวหน้าส่วนราชการ และสื่อมวลชน เป็นผู้ "ไปยาม" (ไปเยือน) จัดโดยคณะทำงานประชาสัมพันธ์การเกษตรและสหกรณ์จังหวัดหนองคาย และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในจังหวัดหนองคาย โดยแต่ละหน่วยงานในสังกัดจะทำการหมุนเวียนเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพ ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้มีสำนักงานเกษตรจังหวัดหนองคาย สำนักงานเกษตรอำเภอเฝ้าไร่ และศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ หนองคาย ร่วมบูรณาการกับสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคาย เป็นเจ้าภาพหลักในการจัดงาน


สำหรับการประกอบอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหมในพื้นที่จังหวัดหนองคายได้มีการสืบทอดอาชีพจากบรรพบุรุษ จากรุ่นสู่รุ่นสืบทอดกันมา ซึ่งจะพบในชุมชนที่มีการอพยพมาจากแหล่งอื่น เช่น จังหวัดขอนแก่น อุบลราชธานี ที่มาหาแหล่งทำกินอยู่ในพื้นที่จังหวัดหนองคายสมัยนั้น และนำเอาอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเข้ามาด้วย จนเมื่อปี พ.ศ 2443 ได้มีการจัดตั้งสถานีทดลองหม่อนไหมหนองคายขึ้น เพื่อศึกษาวิจัยและส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงไหมในพื้นที่จังหวัดหนองคาย ในระยะแรกๆ จะเป็นการส่งเสริมการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เพื่อสาวเส้นไหมไว้ใช้ทอผ้าใช้ในครัวเรือน เป็นของฝากและแลกเปลี่ยนสิ่งของกันในชุมชน


ต่อมาในปี พ.ศ. 2548 ได้มีการปรับโครงสร้างหน่วยงาน จัดตั้งเป็นศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ หนองคาย ได้มีการพัฒนาและส่งเสริมให้เกษตรกรใช้หม่อนและไหมพันธุ์ดี จึงทำให้ได้ผลผลิตดีมีคุณภาพ การตรวจรับรองคุณภาพผ้าไหมตรานกยูงพระราชทานมีปริมาณมากขึ้น ได้ทำเป็นอาชีพเสริม สร้างรายได้ในครัวเรือนจากการจำหน่ายผ้าไหม การเลี้ยงไหมอุตสาหกรรม การแปรรูปและผลิตภัณฑ์จากหม่อนไหม มีเกษตรกรที่ประกอบอาชีพด้านหม่อนไหม 2,000 กว่าครัวเรือน


ต่อมาด้วยสภาพสิ่งแวดล้อมเศรฐกิจสังคม กระแสค่านิยมที่เปลี่ยนไปตามกาลสมัย ไม่มีทายาทสืบทอดอาชีพต่อเนื่อง อันมาจากอาชีพหม่อนไหมเป็นงานที่ละเอียดอ่อน หลายขั้นตอน ประกอบกับในพื้นที่จังหวัดหนองคาย มีอาชีพด้านการเกษตรที่หลากหลายและมีรายได้ที่ดีกว่า จึงทำให้เกษตรกรเลิกประกอบอาชีพหม่อนไหมจำนวนมาก ปัจจุบันจังหวัดหนองคายมีเกษตรกรประกอบอาชีพด้านหม่อนไหม ทั้งสิ้น 212 ครัวเรือน มีพื้นที่ปลูกหม่อน 61 ไร่ และการทอผ้า 5,500 เมตรต่อปี ราคาเฉลี่ยเมตรละ 1,000 บาท คิดเป็นมูลค่า 5,500,000 บาทต่อปี


ปัจจุบันอำเภอเฝ้าไร่ เป็นพื้นที่ที่มีการประกอบอาชีพหน่อนไหนมากที่สุด มีเกษตรกรทำอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม 146 ราย มีกลุ่มอาชีพหม่อนไหม 10 กลุ่ม มีรายได้จากอาชีพหม่อนไหม 5,252,000 บาท เกษตรกรมีความรู้ความชำนาญ โดยเฉพาะด้านการทอผ้า เช่น ลายนาคใหญ่ประจำหวัด ลายของเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี และผ้ามัดหมี่อื่นๆ


ทั้งนี้กลุ่มเกษตรกรอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยไหมบ้านหนองยาง ต.เฝ้าไร่ แห่งนี้ เป็นกลุ่มที่เริ่มต้นอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม และทอผ้ามายังไม่นาน แต่่ให้ความสนใจและอนุรักษ์การเลี้ยงไหมไทยอย่างต่อเนื่อง ทางกรมหม่อนไหมจึงได้จัดตั้งเป็นกลุ่มส่งเสริมการเลี้ยงไหมวัยอ่อนต้นแบบให้กับชุมชน เพื่อลดระยะเวลาการเลี้ยงไหมให้กับเกษตรกรในพื้นที่ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ประกอบอาชีพหม่อนไหม เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ให้คนรู้จักผ้าไหมไทยแท้ อันทรงคุณค่าของผ้าไหมไทย จึงได้จัดงานครั้งนี้ขึ้น




















No comments:

Post a Comment