Friday, June 20, 2025

หนองคาย / ชายวัย 47 ปีบุกเข้าบ้านหวังขืนใจหญิงป่วยจิตเวชวัย 58 ปี หลานเขยมาพบกระโดดล็อคคอรุมยำน่วม หลังเกิดเหตุมีอาการช็อค นอนผวา ถึงขั้นนอนติดเตียง ต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แถมญาติผู้ก่อเหตุยังมาขออย่าดำเนินคดี ลั่น!จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด


วันที่ 20 มิ ย. 2568 จนท.สนง.คุมประพฤติจังหวัดหนองคาย ได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย เพื่อสอบสวนพยานเพิ่มเติมกรณีเมื่อเที่ยงคืนของวันที่ 6 มีนาคม 68 ได้มีนายธวัชชัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี บุกเข้าบ้านหวังขืนใจหญิงป่วยจิตเวชอายุ 58 ปี โดยตรวจสอบกล้องวงจรปิดของเพื่อนบ้านในละแวกนั้น พบว่าผู้ก่อเหตุได้ปั่นจักรยานมาจากตัวอำเภอท่าบ่อ แล้วเลี้ยวรถจักรยานกลับไปจอดที่หน้าบ้านที่เกิดเหตุ แล้วทำการเปิดประตูเข้าไปก่อนพยายามที่จะขืนใจผู้เสียหาย โชคดีที่หลานเขยมาพบเห็นกระโดดล็อคคอช่วยเหลือไว้ได้


หลานเขยของผู้เสียหาย เล่าว่า คืนวันนั้นประมาณห้าทุ่มกว่า ตนได้กลับมาจากการรับจ้างหั่นใบยาสูบ กลับมาถึงบ้านจะอาบน้ำ แต่ได้ยินหมาข้างบ้านเห่านานดูผิดปกติ ตนก็เลยเดินไปทางหลังบ้านเพื่อสังเกตสิ่งผิดปกติ หมาก็ยังเห่าไม่หยุด ตนจึงเดินออกมาหน้าบ้านก็เห็นรถจักรยานจอดอยู่หน้าบ้านของผู้เสียหาย ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียวที่กาชาดสร้างให้  ตนก็มองซ้ายมองขวาดูว่าใครเข้ามาบ้าน ก็เห็นแสงไฟในบ้านเพราะปกติจะไม่เปิดไฟนอน พอเปิดประตูเข้าไปพบผู้ก่อเหตุได้ถอดเสื้อผ้าออกหมด เหลือแต่ตัวเปล่ากำลังจะขืนใจผู้เสียหายที่กำลังดิ้นรนต่อสู้และร้องขอความช่วยเหลือ ตนจึงได้เข้าไปล็อคคอแล้วตะโกนบอกญาติพี่น้องเข้ามาช่วยกันจับตัวไว้ พร้อมรุมเตะต่อย จนได้รับบาดเจ็บ สภาพเรียกว่า สะบักสะบอม เพราะโกรธแค้นที่ผู้ก่อเหตุบุกเข้าไปในบ้าน หวังขืนใจผู้เสียหายที่ป่วยจิตเวช ก่อนแจ้งตำรวจ สภ.ท่าบ่อ ให้มาจับกุมตัวไปดำเนินคดี


หลานเขยผู้เสียหาย เล่าอีกว่า หลังเกิดเหตุผู้เสียหายก็เกิดอาการช็อกแล้วก็อ่อนหล้าไปหมด  เวลานอนก็เกิดอาการผวาหวาดกลัว ใช้ผ้าห่มคลุมหน้าตลอด อยู่ในบ้านหลังเกิดเหตุไม่ได้ เพราะได้ยินเสียงดังก๊อกแก๊กก็จะผวาทันที ตนจึงเอาผู้เสียหายมาดูแลที่บ้าน ซึ่งวันที่เกิดเหตุตนได้ปิดประตูไว้แต่ไม่ได้ล็อคกุญแจบ้าน ได้แต่เอาหินกันประตูไว้ เพราะปกติผู้เสียหายไม่ออกจากบ้าน ถึงแม้จะป่วยจิตเวชก็ตาม ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้น


หลังจากนั้นไม่นานอาการผู้เสียหายยิ้งมีอาการหนักขึ้น จนกระทั่งหลังสงกรานต์ผู้เสียหายต้องมาเป็นผู้ป่วยติดเตียง เพราะเกิดอาการช็อกอย่างรุนแรง ทำให้ค่าใช้จ่ายในครอบครัวเพิ่มขึ้น จากที่เคยเพียงแค่ส่งข้าวส่งน้ำตามปกติ เช้า เที่ยง เย็น ต้องมาซื้อนมซื้อแพมเพิสเพิ่มอีก ถึงแม้ในบ้านมีผู้อาศัยอยู่ด้วยกัน 6 คน(รวมผู้เสียหาย) แต่ละคนก็มีรายได้ที่ไม่แน่นอน เป็นเพียงเป็นชาวไร่ชาวนา รับจ้างทั่วไป ใครจ้างก็ไป ไม่มีใครเป็นเสาหลักในครอบครัว แต่ละวันหาเงินได้ไม่ถึง 300 บาทด้วยซ้ำ เปลี่ยนแพมเพิสให้ผู้เสียหายแต่ละวัน 3-4 แผ่น จากคนป่วยธรรมดาจนกลายมาเป็นผู้ป่วยติดเตียงทำให้ครอบครัวมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น อีกทั้งหลังเกิดเหตุญาติของผู้ก่อเหตุยังมาเจรจาขอร้องอย่าให้ดำเนินคดี แต่ไม่เคยคิดจะเยียวยาผู้เสียหายเลยสักนิด ซึ่งตนและครอบครัวจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด







No comments:

Post a Comment