วันที่ 25 เม ย. 2568 นายสมภพ สมิตะสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย พร้อมด้วยนายประทีป อุ่ยเจริญ ปลัดจังหวัดหนองคาย นายสันติภาพ โทนหงส์สา เกษตรจังหวัดหนองคาย นายสมควร ใจซื่อ นายอำเภอท่าบ่อ นายเกรียงศักดิ์ ถวายชัย ประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคาย หัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรฯ และสื่อมวลชนลุยสวนลิ้นจี่ ณ สวนลิ้นจี่ "เสนาคำ" เลขที่ 3 บ.สมสร้าง หมู่ที่ 6 ต.หนองนาง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ของนางบุญปอง เสนาคำ อายุ 58 ปี และยังมีตำแหน่งเป็น ประธานสหกรณ์การเกษตรท่าบ่อ จำกัด ที่ได้เริ่มดำเนินการปลูกลิ้นจี่มาตั้งแต่ปี 2562 สายพันธุ์ พน.1 หรือ นครพนม 1
โดยเจ้าของสวนได้พาปีนต้นลิ้นจี่ซึ่งเป็นวิถีชีวิตการเก็บของชาวสวนให้ชมกันถึงในสวน ในปีนี้มีผลผลิตออกมามากกว่าทุกปี รสชาติอร่อย ผิวสีแดงคล้ำ รสหวาน เปลือกตึงหนามตั้งสั้นๆ เปลือกด้านในเป็นสีแดง เนื้อขาวนวล หอม และลูกขนาดใหญ่
นางสมปองฯ กล่าวว่า พื้นที่ปลูกลิ้นจี่มีทั้งหมด 13 ไร่ เมื่อก่อนปลูกพืชหลายอย่าง ทั้งอ้อย มันสัมปะหลัง มะเขือ พริก ยาสูบ ซึ่งมันซ้ำซาก ราคาก็ตกต่ำ ก็เลยหันมาปลูกลิ้นจี่ตั้งแต่ 2562 โดยมีโอกาสไปศึกษาดูงานที่นครพนมเห็นมีปลูกกันเยอะมาก จึงซื้อสิ้นจี่ พน.1 มาลงมือปลูกจำนวน 50 ต้น ปลูกได้ 3 - 4 ปี ก็มีผลผลิตออกมาพอได้ขาย ก็เลยไปเอาลิ้นจี่มาปลูกเพื่มอีก ชาวบ้านในพื้นที่ก็หาว่าตนเป็นบ้า แต่ลิ้นจี่ออกผลผลิตมาขายได้ทุกปี
ประธานสหกรณ์การเกษตรท่าบ่อ จำกัด กล่าวอีกว่า การปลูกลิ้นจี่ดูแลง่ายกว่าการปลูกทุเรียน ซึ่งช่วงนั้นได้ปลูกทุเรียน ฝรั่งแซมไปด้วย ซึ่งฝรั่งก็ได้ผลผลิตดี แต่ต้องดูแลรักษาด้วยการห่อผลฝรั่ง ถ้าไม่ห่อก็จะมีแมลงมากินผลฝรั่งทำให้เสียหายไม่สามารถขายได้ ส่วนทุเรียนที่นำมาปลูกหมดเงินไป 20,000 กว่าบาท สุดท้ายตายหมด ตอนนี้เน้นปลูกลิ้นจี่อย่างเดียวจนเต็มพื้นที่
ส่วนตลาดมีทั้งขายออนไลน์ ขายหน้าสวนกิโลกรัมละ 80 บาท รวมทั้งนำไปขายที่สหกรณ์การเกษตรท่าบ่อฯ ตามสำนักงานต่างๆ และในหมู่บ้าน กิโลกรัมละ 90 บาท สองวันมานี้ตนเก็บลิ้นจี่ขายไปกว่า 120 กิโลกรัม ได้เงินมาแล้วกว่า 10,000 บาท ลิ้นจี่ปีนี้ออกผลเยอะ อีกทั้งเป็นพืชออกผลที่มีอายุสั้นเพียง 15 วันเท่านั้น ทำให้ตนต้องเร่งเก็บผลผลิตออกสู่ตลาด ขาดว่าปีนี้จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท
No comments:
Post a Comment