Thursday, January 30, 2025

หนองคาย - สนง.วัฒนธรรมจังหวัดหนองคายร่วมกับชาวไทพวนอำเภอโพธิ์ตาก จัดกิจกรรม 1 อำเภอ 1 ลานสร้างสรรค์ ลานวัฒนธรรมกำฟ้าไทพวนโพธิ์ตาก สักการะเจ้าชมภู วีระกษัตริย์บรรพชนของชาวไทพวน เผาข้าวหลาม จี่ข่าวจี่บูชาฟ้า


วันที่ 30 ม.ค. 2568 ที่  ศูนย์เรียนรู้วัฒนธรรมไทพวนโพธิ์ตาก บ้านโพธิ์ตาก หมู่ที่ 2 ต.โพธิ์ตาก อ.โพธิ์ตาก จ.หนองคาย นางสาวปราณี  วงค์บุตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม 1 อำเภอ  1 ลานสร้างสรรค์ ลานวัฒนธรรมกำฟ้าไทพวนโพธิ์ตาก ที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดหนองคายร่วมกับชาวไทพวนอำเภอโพธิ์ตาก จัดให้มีขึ้น โดยมีนายกฤษฎา โพธิ์ชัย นายอำเภอโพธิ์ตาก กล่าวต้อนรับ , นางฐิตารีย์  อินทร์ตาแสง วัฒนธรรมจังหวัดหนองคาย กล่าวรายงาน พร้อมด้วยท่านสมสัก วิไลทอน กงสุลใหญ่ สปป.ลาว ณ ขอนแก่น ,นายสฤษดิ์ ใจหาญ ประธานชมรมไทพวนอำเภอโพธิ์ตาก หัวหน้าส่วนราชการ จนท.วัฒนธรรม  สมาชิกชมรมไทพวนอำเภอโพธิ์ตาก องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ครู นักเรียนในพื้นที่ ประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมพิธีเปิดจำนวนมาก ภายหลังพิธีเปิดรองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคายและผู้เข้าร่วมกิจกรรมยังได้มอบผ้าห่มกันหนาวให้กับผู้สูงอายุ ผู้ยากไร้ในพื้นที่บ้านโพธิ์ตากอีกด้วย




นางฐิตารีย์  อินทร์ตาแสง วัฒนธรรมจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า  กระทรวงวัฒนธรรมมุ่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 และนโยบายรัฐบาล ที่กำหนดทิศทางขับเคลื่อน Soft Power  ด้วยมิติทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นวาระสำคัญของประเทศ  เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักในการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน มีเอกลักษณ์ จุดยืน และบทบาทที่โดดเด่นในเวทีโลก นำทุนทางวัฒนธรรมมาสร้างความชื่นชอบและชื่นชมของผู้คนทั่วโลก รวมไปถึงนโยบายสืบสาน รักษา และต่อยอดงานศิลปะวัฒนธรรมของชาติให้อยู่อย่างยั่งยืน และเพื่อสนับสนุนนโยบาย One Family One Soft Power (OFOS) หรือนโยบาย 1 ครอบครัว 1 Soft Power  กระทรวงวัฒนธรรมจึงได้กำหนดพื้นที่ 1 อำเภอ 1 ลานสร้างสรรค์ จำนวน 154 แห่งทั่วประเทศ โดยมุ่งหวังให้เกิดการขับเคลื่อนเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ด้านศาสนา  ศิลปะ และวัฒนธรรมของชุมชน




วัฒนธรรมจังหวัดหนองคาย กล่าวอีกว่ า  สำนักงานจังหวัดหนองคาย จึงได้กำหนดจัดโครงการส่งเสริมกิจกรรม 1 อำเภอ 1 ลานสร้างสรรค์ จังหวัดหนองคาย ประจำปี 2568 กิจกรรม 1 อำเภอ  1 ลานสร้างสรรค์ ลานวัฒนธรรมกำฟ้าไทพวนโพธิ์ตาก ณ ศูนย์เรียนรู้วัฒนธรรมไทพวนโพธิ์ตาก โดยบูรณาการร่วมกับการจัดงานประเพณีบุญกำฟ้าของชาวบ้านโพธิ์ตาก ที่ถือปฏิบัติสืบทอดกันมานาน ในวันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี เป็นประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวไทพวน  แสดงออกถึงความเคารพต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรำลึกถึงพระคุณของเจ้าชมภู วีระกษัตริย์บรรพชนของชาวไทพวน โดยการจัดงานครั้งนี้เพื่อเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ในท้องถิ่นให้เป็นแหล่งเรียนรู้ แหล่งแสดงผลงานสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ศิลปวัฒนธรรม ที่แสดงออกถึงความเป็นอัตลักษณ์ของชุมชนและท้องถิ่น รวมทั้งเป็นแหล่งถ่ายทอดองค์ความรู้ จัดแสดงผลงานและจำหน่ายสินค้าและบริการทางวัฒนธรรม  เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน ภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในการสร้างสรรค์ผลงานทางวัฒนธรรม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมถึงสร้างความภาคภูมิใจและตระหนักในคุณค่าของศิลปวัฒนธรรม มรดกภูมิปัญญาท้องถิ่นในเด็ก เยาวชน และประชาชน  อีกทั้งยังยกระดับงานเทศกาลประเพณีจากท้องถิ่นสู่สากล ส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน





ภายในงานมีกิจกรรมต่างๆ ประกอบด้วย ขบวนแห่และการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทพวน , การสาธิตภูมิปัญญาท้องถิ่นไทพวนและฝึกทักษะอาชีพ , การจัดนิทรรศการองค์ความรู้อัตลักษณ์วัฒนธรรมท้องถิ่นไทพวน , การสาธิตและจัดแสดงผลงานสร้างสรรค์ทางด้านศิลปะ ,  การจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (CPOT,)  อาหารพื้นถิ่นและสินค้าชุมชน นอกจากนี้ยังมีการสาธิตการทำข้าวหลาม สาธิตการทำข้าวจี่ สาธิตการทำข้าวเม่า สาธิตการทำธุงข่อง สาธิตการทำข้าวพันก้อนและต้นกระจาก  และการละเล่นพื้นบ้าน




นายสฤษดิ์ ใจหาญ ประธานชมรมไทพวนอำเภอโพธิ์ตาก กล่าวว่า ไทพวนเป็นชาติพันธุ์ที่เก่าแก่ที่เล่าขานกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ที่มีภาษา การพูดการจา การแต่งกายเป็นอัตลักษณ์  ขออนุมานได้ว่ามีมาตั้งแต่ 12 ปันนา 12 จุไท  และได้อพยพกันมาเรื่อยๆ แล้วมาตั้งเมืองที่เชียงขวง และได้ก่อตั้งเป็นอาณาจักรพวน จากนั้นได้อพยพกันมาเรื่อยๆ จนมาถึงสมัยกรุงธนบุรีและอพยพมาอยู่จังหวัดต่างๆ ในประเทศไทย รวมแล้ว 24 จังหวัด มีทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคอีสานมีคนพวนกระจายอยู่ทั่ว และได้ตั้งชมรมอยู่ที่ 28 ชมรมด้วยกัน ที่ประสานเครือข่ายและทำกิจกรรมร่วมกัน  สำหรับประวัติ "กำฟ้า" คนพวนจะนับถือเจ้าเมืองคือท่านชมภู เป็นเจ้าผู้ครองนครที่ชาวพวนให้ความเคารพนับถือ เพราะเป็นนักรบที่เก่งกาจและพาชาวไทพวนเป็นปึกแผ่น ทั้งการสร้างบ้านแปลงเมืองการปกครองและเป็นเจ้าผู้ครองนครที่เก่งกาจองค์ที่ 43 ซึ่งในสมัยนั้นเมืองเชียงขวงเป็นเมืองขึ้นของเจ้าผู้ครองนครเวียงจันทน์ แต่พอเจ้าชมภูสร้างเมืองเชียงขวงได้อย่างเข้มแข็งแล้วไม่ยอมขึ้นตรงต่อเมืองเวียงจันทน์ เมื่อเจ้าผู้ครองนครเวียงจันทน์เห็นว่าเมืองเชียงขวงไม่ส่งส่วย ไม่ส่งบรรณาการจึงยกทัพไปปราบ โดยจับเจ้าชมภูทำการประหารชีวิตด้วยหอก แต่เมื่อยกหอกขึ้นหวังจะปลิดชีพเจ้าชมภู  ปรากฏว่าจู่ๆ ก็มีฟ้าผ่าลงมาถูกหอกหัก เจ้าชมภูจึงรอดชีวิต เมื่อเจ้าผู้ครองนครเวียงจันทน์เห็นดังนั้นจึงประมาณได้ว่าเจ้าชมภูเป็นผู้มีบุญบารมี จึงได้ให้ไปเป็นเจ้าปกครองนครเชียงขวงดังเดิม หลังจากนั้นมาคนพวนก็เลยนับถือฟ้าที่ทำให้เจ้าผู้ครองนครเชียงขวงรอดชีวิต อีกอย่างหนึ่งที่คนพวนนับถือฟ้า เพราะฟ้าประทานความอุดมสมบูรณ์ เพราะคนพวนนั้นทำเกษตร ทำไร่ ทำสวน ทำนา ปลูกผัก และเลี้ยงสัตว์ ซึ่งคนพวนไปไหนก็จะมีบ้านอยู่ติดกับแม่น้ำลำคลอง และที่นับถือฟ้านั้น เพราะฟ่าถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ความอุดมสมบูรณ์มีฟ้าฝน และไทพวนนั้นมีอัตลักษณ์ คือพุทธธรรมนำชีวิต จิตไฝ่การศึกษา ทำมาหากินขยัน ถือมั่นประหยัด ซื่อสัตย์สุจริต จิตกตัญญู รู้คุณคน อันนี้เป็นวิถีอัตลักษณ์ของคนพวน  








No comments:

Post a Comment