งานเกษตรกรรมถือเป็นวิถีชีวิตที่อยู่คู่กับคนในพื้นที่ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย มาช้านาน เนื่องด้วยมีแหล่งน้ำธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เอื้ออำนวยต่อการเกษตรกรม และการทำประมง โดยเฉพาะในพื้นที่ตำบลกองนางชาวบ้านแถบบริเวณนี้ส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มี สร้างเป็นอาชีพเลี้ยงครอบครัว อย่างเช่นกลุ่มวิสาหกิจแม่บ้านเกษตรกรแปรรูปปลาบ้านกองนาง หมู่ 11 ต.กองนาง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ได้เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2540 มีสมาชิกในกลุ่มประมาณ 30 คน และยังเป็นหมู่บ้านนวัตวิถี สมาชิกในกลุ่มมีอาชีพเพาะพันธุ์ปลาและเลี้ยงปลานิลในกระชังในแม่น้ำโขงเป็นส่วนใหญ่ คุณลักษณะพิเศษของปลานิลที่นี่คือ เนื้อแน่น มีไขมันแซก ทำให้เนื้อนุ่ม หวานมัน ไม่มีกลิ่นคาว และไม่มีกลิ่นโคลน เนื่องจากเลี้ยงในกระชังแม่น้ำโขง ที่มีกระแสน้ำไหลผ่านตลอดเวลา
กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้ประกาศขึ้นทะเบียนสินค้า GI รายการใหม่ ปลานิลกระชังแม่น้ำโขงหนองคาย เป็นสินค้า GI ลำดับที่ 3 ของ จ.หนองคาย ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ต่อจากกล้วยตากสังคม และสับปะรดศรีเชียงใหม่ ส่งผลให้เพิ่มมูลค่าทางการตลาดของกลุ่มวิสาหกิจแม่บ้านเกษตรกรแปรรูปปลาบ้านกองนาง ที่นำปลานิล GI มาแปรรูปเป็น ปลานิลแดดเดียว แหนมปลานิล ใส่กรอกปลานิล น้ำพริกปลานิล รสชาติอร่อย สด สะอาด ปราศจากสารพิษเจือบน ด้วยกรรมวิธีการผลิตที่สะอาด ปลอดภัย ตากแห้งในโรงอบพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีคุณภาพ พัฒนาให้ได้มาตรฐานระบบการผลิตตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายอาหาร (อย.) บรรจุภัณฑ์ จนเกิดแปลน "โขงนิล" สามารถสร้างรายได้ให้กับกลุ่มแม่บ้านในชุมชน โดยราคาจำหน่ายแยกเป็น ปลานิลแดดเดียว แพ็คละ 150 บาท แหนมปลานิล แพ็คละ 100 บาท ใส่กรอกปลานิล 400 กรัม 100 บาท ครึ่งกิโลกรัม 150 บาท และน้ำพริกปลานิล กระปุกละ 100 บาท
นางประทุมวรรณ์ หินแสงใส กรรมการกลุ่มฯ กล่าวว่า ปลานิลแม่น้ำได้ขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI ถือเป็นผลดีต่อกลุ่ม เพราะเป็นที่รับรองของตลาดและเป็นที่นิยมชมชอบ ว่าปลานิลได้ GI มาแล้วพร้อมที่จะเข้าสู่ตลาดโลก การค้าขายก็ขึ้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นการขายสินค้าทางออนไลน์ มีมารับซื้อถึงที่ก็มี รวมถึงเครือญาติที่มาเยี่ยมและผู้ที่มาแวะเวียนมาศึกษาดูงานของหน่วยงานต่างๆ ทำให้กลุ่มมีรายได้ตรงนี้อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งรายได้เมื่อก่อนทางกลุ่มจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 50,000 บาทค่อเดือน แต่พอมาเจอวิกฤตโควิดและน้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา ทำให้รายได้ของกลุ่มลดน้อยลง โดยเฉพาะในช่วงสองสามปีมานี้ทางกลุ่มได้ผลิตสืนค้าน้อยลง ซึ่งมีรายได้เข้ากลุ่มอยู่ที่ 2 ถึง 3 หมื่นบาทต่อเดือน หรือ 360,000 บาทต่อปี แล้วแต่ผลผลิตที่ทำออกมามากหรือน้อย รายได้นอกจากจะเข้ากลุ่มแล้ว ยังสร้างรายได้ให้กับสมาชิกที่มาทำงานเดือนละ 2 ถึง 3 พันบาทต่อเดือน ซึ่งถือเป็นอาชีพเสริมให้กับสมาชิกของกลุ่มแม่บ้านเรา พอได้ค่าน้ำค่าไฟ ถึงแม้จะไม่มากแต่ก็พออยู่ได้
No comments:
Post a Comment