Friday, January 31, 2025

หนองคาย- เปิดหีบเลือกตั้ง "นายก อบจ.หนองคาย. - ส.อบจ.หนองคาย" ประชาชนทยอยใช้สิทธิเลือกตั้งคึกคัก หลานชายพาคุณยายวัย 78 ปี นั่ง จยย.พ่วงข้าง ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งตั้งแต่เช้า


วันที่ 1 ก.พ. 2568 บรรยากาศการออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง นายก อบจ.หนองคาย และ สมาชิกสภา อบจ.หนองคาย ของประชาชนใน จ.หนองคาย มีความคึกคักแต่เช้า โดยหลาย ๆ หน่วยเลือกตั้งมีประชาชนไปรอใช้สิทธิ์ ตั้งแต่ 07.00 น. เพื่อจะได้เข้าคูหาเลือกตั้งเร็วที่สุดในเวลา 08.00 น.  เช่นเดียวกับคุณยายแดง มณีศิริรัตน์ อายุ 78 ปี ที่หลานชายได้พาคุณยายนั่งรถ จยย.พ่วงข้าง มาลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ในหน่วยเลือกตั้งที่ 15 เขตเลือกตั้งที่ 1 ศาลาการเปรียญวัดสระแก้ว หมู่ที่ 11 ต.ท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ  ในเวลา 08.30 น.  โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำหน่วย คอยอำนวยความสะดวก ซึ่งในวันนี้ นายณรงค์ชัย หล้าวงศา ผู้สมัครชิงเก้าอี้นายก อบจ.หนองคาย เบอร์ 3 ถือฤกษ์เวลา 9 โมง 9 นาที มาใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่ 14 เขตเลือกตั้งที่ 1 ศาลาอเนกประสงค์วัดสระแก้ว หมู่ที่ 11 ต.ท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ ด้วย


สำหรับ จ.หนองคาย มีผู้สมัครนายก จำนวน 3 คน รวม สมาชิกสภา อบจ.แบ่งเป็น 30 เขต โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบและมอบบัตรเลือกตั้งให้ 2 ใบ เป็นบัตรสีน้ำตาลเลือกนายก อบจ. และบัตรสีเขียว เลือกสมาชิกสภา อบจ. มีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำแก่ประชาชนผู้มาใช้สิทธิ ซึ่งบางคนเป็นผู้สูงอายุ หูตาไม่ค่อยดี ก็อนุญาตให้ญาติเข้าคูหาไปด้วยได้












หนองคาย - บรรยากาศเลือกตั้ง นายก อบจ.และ ส.อบจ.หนองคา ยแชมป์เก่า 5 สมัย ถือฤกษ์ดี 09.59 นาที ส่วนผู้ท้าชิงก็ถือฤกษ์ 09.09 เดินทางมาใช้สิทธิด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างมั่นใจ


วันที่ 1 ก.พ.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หน่ยเลือกตั้งที่ 4 โรงเรียนอรุณรังสี ต.โพธิ์ชัย อ.เมือง จ.หนองคาย นายวุฒิไกร ช่างเหล็ก ผู้สมัครนายก อบจ. เบอร์ 2 เดินทางมาใช้สิทธิพร้อมครอบครัวด้วยความมั่นใจ ตรวจสอบรายชื่อตัวเองและรับบัตรลงคะแนน 2 ใบกับเจ้าหน้าที่หน้าหน่วยเลือกตั้งก่อนจะเข้าคูหา และหย่อนบัตรลงคะแนนในกล่องบัตรเลือกตั้ง ต่อมาได้มีนายกระแสร์ ตระกูลพรพงษ์ สส.เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ที่หน่วยเลือกตั้งใกล้เคียง



จากนั้นนายยุทธนา ศรีตะบุตร ผู้สมัครนายก อบจ. เบอร์  1 แชมป์เก่า 5 สมัย ได้เดินทางมาใช้สิทธิเลือกตั้งพร้อมภรรยาโดยถือฤกษ์ดี 09.59 นาที ตรวจรายชื่อรับบัตรลงคะแนน 2 ใบ เข้าคูหาออกมาหย่อนบัตรลงกล่องรับบัตรคะแนนด้วยท้าทีมันใจ ซึ่งบรรยากาศในการเลือกตั้ง นายก อบจ.และ ส.อบจ.หนองคายคึกคักตั้งช่วงเช้า เชื่อว่าประชาชนจังหวัดหนองคายจะออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งกว่า 60%










Thursday, January 30, 2025

หนองคาย - สนง.วัฒนธรรมจังหวัดหนองคายร่วมกับชาวไทพวนอำเภอโพธิ์ตาก จัดกิจกรรม 1 อำเภอ 1 ลานสร้างสรรค์ ลานวัฒนธรรมกำฟ้าไทพวนโพธิ์ตาก สักการะเจ้าชมภู วีระกษัตริย์บรรพชนของชาวไทพวน เผาข้าวหลาม จี่ข่าวจี่บูชาฟ้า


วันที่ 30 ม.ค. 2568 ที่  ศูนย์เรียนรู้วัฒนธรรมไทพวนโพธิ์ตาก บ้านโพธิ์ตาก หมู่ที่ 2 ต.โพธิ์ตาก อ.โพธิ์ตาก จ.หนองคาย นางสาวปราณี  วงค์บุตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม 1 อำเภอ  1 ลานสร้างสรรค์ ลานวัฒนธรรมกำฟ้าไทพวนโพธิ์ตาก ที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดหนองคายร่วมกับชาวไทพวนอำเภอโพธิ์ตาก จัดให้มีขึ้น โดยมีนายกฤษฎา โพธิ์ชัย นายอำเภอโพธิ์ตาก กล่าวต้อนรับ , นางฐิตารีย์  อินทร์ตาแสง วัฒนธรรมจังหวัดหนองคาย กล่าวรายงาน พร้อมด้วยท่านสมสัก วิไลทอน กงสุลใหญ่ สปป.ลาว ณ ขอนแก่น ,นายสฤษดิ์ ใจหาญ ประธานชมรมไทพวนอำเภอโพธิ์ตาก หัวหน้าส่วนราชการ จนท.วัฒนธรรม  สมาชิกชมรมไทพวนอำเภอโพธิ์ตาก องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ครู นักเรียนในพื้นที่ ประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมพิธีเปิดจำนวนมาก ภายหลังพิธีเปิดรองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคายและผู้เข้าร่วมกิจกรรมยังได้มอบผ้าห่มกันหนาวให้กับผู้สูงอายุ ผู้ยากไร้ในพื้นที่บ้านโพธิ์ตากอีกด้วย




นางฐิตารีย์  อินทร์ตาแสง วัฒนธรรมจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า  กระทรวงวัฒนธรรมมุ่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 และนโยบายรัฐบาล ที่กำหนดทิศทางขับเคลื่อน Soft Power  ด้วยมิติทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นวาระสำคัญของประเทศ  เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักในการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน มีเอกลักษณ์ จุดยืน และบทบาทที่โดดเด่นในเวทีโลก นำทุนทางวัฒนธรรมมาสร้างความชื่นชอบและชื่นชมของผู้คนทั่วโลก รวมไปถึงนโยบายสืบสาน รักษา และต่อยอดงานศิลปะวัฒนธรรมของชาติให้อยู่อย่างยั่งยืน และเพื่อสนับสนุนนโยบาย One Family One Soft Power (OFOS) หรือนโยบาย 1 ครอบครัว 1 Soft Power  กระทรวงวัฒนธรรมจึงได้กำหนดพื้นที่ 1 อำเภอ 1 ลานสร้างสรรค์ จำนวน 154 แห่งทั่วประเทศ โดยมุ่งหวังให้เกิดการขับเคลื่อนเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ด้านศาสนา  ศิลปะ และวัฒนธรรมของชุมชน




วัฒนธรรมจังหวัดหนองคาย กล่าวอีกว่ า  สำนักงานจังหวัดหนองคาย จึงได้กำหนดจัดโครงการส่งเสริมกิจกรรม 1 อำเภอ 1 ลานสร้างสรรค์ จังหวัดหนองคาย ประจำปี 2568 กิจกรรม 1 อำเภอ  1 ลานสร้างสรรค์ ลานวัฒนธรรมกำฟ้าไทพวนโพธิ์ตาก ณ ศูนย์เรียนรู้วัฒนธรรมไทพวนโพธิ์ตาก โดยบูรณาการร่วมกับการจัดงานประเพณีบุญกำฟ้าของชาวบ้านโพธิ์ตาก ที่ถือปฏิบัติสืบทอดกันมานาน ในวันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี เป็นประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวไทพวน  แสดงออกถึงความเคารพต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรำลึกถึงพระคุณของเจ้าชมภู วีระกษัตริย์บรรพชนของชาวไทพวน โดยการจัดงานครั้งนี้เพื่อเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ในท้องถิ่นให้เป็นแหล่งเรียนรู้ แหล่งแสดงผลงานสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ศิลปวัฒนธรรม ที่แสดงออกถึงความเป็นอัตลักษณ์ของชุมชนและท้องถิ่น รวมทั้งเป็นแหล่งถ่ายทอดองค์ความรู้ จัดแสดงผลงานและจำหน่ายสินค้าและบริการทางวัฒนธรรม  เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน ภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในการสร้างสรรค์ผลงานทางวัฒนธรรม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมถึงสร้างความภาคภูมิใจและตระหนักในคุณค่าของศิลปวัฒนธรรม มรดกภูมิปัญญาท้องถิ่นในเด็ก เยาวชน และประชาชน  อีกทั้งยังยกระดับงานเทศกาลประเพณีจากท้องถิ่นสู่สากล ส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน





ภายในงานมีกิจกรรมต่างๆ ประกอบด้วย ขบวนแห่และการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทพวน , การสาธิตภูมิปัญญาท้องถิ่นไทพวนและฝึกทักษะอาชีพ , การจัดนิทรรศการองค์ความรู้อัตลักษณ์วัฒนธรรมท้องถิ่นไทพวน , การสาธิตและจัดแสดงผลงานสร้างสรรค์ทางด้านศิลปะ ,  การจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (CPOT,)  อาหารพื้นถิ่นและสินค้าชุมชน นอกจากนี้ยังมีการสาธิตการทำข้าวหลาม สาธิตการทำข้าวจี่ สาธิตการทำข้าวเม่า สาธิตการทำธุงข่อง สาธิตการทำข้าวพันก้อนและต้นกระจาก  และการละเล่นพื้นบ้าน




นายสฤษดิ์ ใจหาญ ประธานชมรมไทพวนอำเภอโพธิ์ตาก กล่าวว่า ไทพวนเป็นชาติพันธุ์ที่เก่าแก่ที่เล่าขานกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ที่มีภาษา การพูดการจา การแต่งกายเป็นอัตลักษณ์  ขออนุมานได้ว่ามีมาตั้งแต่ 12 ปันนา 12 จุไท  และได้อพยพกันมาเรื่อยๆ แล้วมาตั้งเมืองที่เชียงขวง และได้ก่อตั้งเป็นอาณาจักรพวน จากนั้นได้อพยพกันมาเรื่อยๆ จนมาถึงสมัยกรุงธนบุรีและอพยพมาอยู่จังหวัดต่างๆ ในประเทศไทย รวมแล้ว 24 จังหวัด มีทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคอีสานมีคนพวนกระจายอยู่ทั่ว และได้ตั้งชมรมอยู่ที่ 28 ชมรมด้วยกัน ที่ประสานเครือข่ายและทำกิจกรรมร่วมกัน  สำหรับประวัติ "กำฟ้า" คนพวนจะนับถือเจ้าเมืองคือท่านชมภู เป็นเจ้าผู้ครองนครที่ชาวพวนให้ความเคารพนับถือ เพราะเป็นนักรบที่เก่งกาจและพาชาวไทพวนเป็นปึกแผ่น ทั้งการสร้างบ้านแปลงเมืองการปกครองและเป็นเจ้าผู้ครองนครที่เก่งกาจองค์ที่ 43 ซึ่งในสมัยนั้นเมืองเชียงขวงเป็นเมืองขึ้นของเจ้าผู้ครองนครเวียงจันทน์ แต่พอเจ้าชมภูสร้างเมืองเชียงขวงได้อย่างเข้มแข็งแล้วไม่ยอมขึ้นตรงต่อเมืองเวียงจันทน์ เมื่อเจ้าผู้ครองนครเวียงจันทน์เห็นว่าเมืองเชียงขวงไม่ส่งส่วย ไม่ส่งบรรณาการจึงยกทัพไปปราบ โดยจับเจ้าชมภูทำการประหารชีวิตด้วยหอก แต่เมื่อยกหอกขึ้นหวังจะปลิดชีพเจ้าชมภู  ปรากฏว่าจู่ๆ ก็มีฟ้าผ่าลงมาถูกหอกหัก เจ้าชมภูจึงรอดชีวิต เมื่อเจ้าผู้ครองนครเวียงจันทน์เห็นดังนั้นจึงประมาณได้ว่าเจ้าชมภูเป็นผู้มีบุญบารมี จึงได้ให้ไปเป็นเจ้าปกครองนครเชียงขวงดังเดิม หลังจากนั้นมาคนพวนก็เลยนับถือฟ้าที่ทำให้เจ้าผู้ครองนครเชียงขวงรอดชีวิต อีกอย่างหนึ่งที่คนพวนนับถือฟ้า เพราะฟ้าประทานความอุดมสมบูรณ์ เพราะคนพวนนั้นทำเกษตร ทำไร่ ทำสวน ทำนา ปลูกผัก และเลี้ยงสัตว์ ซึ่งคนพวนไปไหนก็จะมีบ้านอยู่ติดกับแม่น้ำลำคลอง และที่นับถือฟ้านั้น เพราะฟ่าถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ความอุดมสมบูรณ์มีฟ้าฝน และไทพวนนั้นมีอัตลักษณ์ คือพุทธธรรมนำชีวิต จิตไฝ่การศึกษา ทำมาหากินขยัน ถือมั่นประหยัด ซื่อสัตย์สุจริต จิตกตัญญู รู้คุณคน อันนี้เป็นวิถีอัตลักษณ์ของคนพวน  








Friday, January 24, 2025

หนองคาย - จากผู้รับเหมาก่อสร้างผันตัวมาเป็นเกษตรกร ปลูกพุทราพันธุ์หิมะขาว พันธุ์น้ำอ้อย พันธุ์แดงอินเดีย ผลใหญ่ การันตีความหวาน กรอบ อร่อย ปลูกแบบกางมุ้งปลอดสารเคมี


ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สวนพุทรา “ไร่ฟ้าใส” บนเนื้อที่ 3 ไร่ ปลูกแบบมีโรงเรือนกางมุ้งปลอดสารเคมี ซึ่งตอนนี้กำลังออกผลผลิตเต็มต้น โดยมีนายมิตภาพ เปาะชะนะ อายุ 49 ปี และนางพิกุล เปาะชะนะ อายุ 45 ปี ราษฎรบ้านโนนสง่า ต.เซิม อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย เป็นเจ้าของสวน “ไร่ฟ้าใส” จากเคยเป็นผู้รับเหมางานก่อสร้าง ผันตัวมาเป็นเกษตรกรผู้ปลูกพุทราพันธุ์หิมะขาวสายพันธ์น้ำอ้อย สายพันธุ์แดงอินเดีย ได้สายพันธุ์มาจากประทศไต้หวันเพียงต้นเดียว ทำการขยายพันธุ์ขยายกิ่งพันธุ์ให้เกษตรกรรายอื่น สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ และช่วงนี้กำลังออกผลผลิตจำนวนมาก ผลใหญ่เท่ากับขวดน้ำดื่ม 5-6 ลูกต่อกิโลกรัม รสชาติหวาน กรอบ อร่อย คาดปีนี้ผลผลิตไม่น้อยกว่า 3.5 ตัน




นายมิตภาพฯ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อก่อนตนทำงานโรงงาน ก่อนมาเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง และกลับมาอยู่บ้านมาทำเกษตร เมื่อก่อนปลูกมันสำปะหลังด้วยราคามันสำปะหลังที่ถูกกิโลกรัมละบาทสองบาทจึงหันมาปลูกพุทรา เนื้อที่ทั้งหมดมี 12 ไร่ ปลูกพุทรา 3 ไร่ 300 ต้น ปลูกมาแล้ว 5 ปี ที่เหลือปลูกผลไม้อย่างอื่นร่วมด้วย เช่น ลิ้นกี่ องุ่น มะม่วง กล้วย ฝรั่ง และมะพร้าวน้ำหอม ครั้งแรกปลูกสายพันธุ์นมสด และต่อมาปลูกพันธุ์น้ำอ้อย 40 ต้น ปีต่อมามีพันธุ์หิมะขาวเข้ามาในเมืองไทยก็เลยชื้อต้นมา 1 ต้น ได้พันธุ์จากไต้หวันเอามาขยายพันธุ์เอง และนำกิ่งพันธุ์ของหิมะขาวไปเสียบแทนพันธุ์นมสดจึงทำให้ขยายพันธุ์ได้เร็ว




เจ้าของ"ไร่ฟ้าใส" กล่าวต่อว่า สำหรับพันธุ์หิมะขาวได้ผลผลิตมา 3 ปีแล้ว พุทราที่สวนลูกจะใหญ่ ขนาด 5-6 ลูกต่อกิโลกรัม รสชาติหวาน กรอบ อร่อย ช่วงเก็บผลผลิตก็ตั้งแต่เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ก็จะหมดฤดูกาล จากนั้นก็ตัดต้นทำสาวให้เหลือแต่ตอ และเคลียร์ความสะอาด เมื่อต้นพุทราแทงยอดใหม่เลือกเอาแค่ 2 ยอด สวนมุ้งก็ลื้อเก็บไว้ราคามุ้งก็ตกประมาณ 1 แสนบาทรวมเสาเหล็ก ระบบน้ำใช้แบบโซล่าเซลล์สูบน้ำใต้ดินขึ้นถังเก็บน้ำ แล้วปล่อยตามสาย PE หัวเป็นแบบปีกผีเสื้อ ให้ดินมีความชื้น 70%



นายมิตภาพฯ กล่าวอีกว่า พุทราที่ปลูกไว้มีความปลอดภัยกับผู้บริโภค เพราะปลูกในโรงเรือนที่กางมุ้ง เนื่องจากให้ผลผลิตจำนวนมากจึงต้องปลูกในโรงเรือนแบบปิดเพื่อป้องกันแมลง นอกจากนี้ยังมีกิ่งพันธุ์จำหน่าย ต้นละ 200 บาททุกสายพันธุ์  โดยทางสวน “ไร่ฟ้าใส” ยินดีให้เข้าชมสวน มาลองรับประทานที่หน้าสวน และพร้อมให้คำปรึกษาสำหรับเกษตรกรรายใหม่ โดยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ นายมิตภาพ เปาะชะนะ บ้านโนนสง่า ต.เซิม อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย โทร 064-186-6903 หรือผ่านช่องทางเฟสบุ๊ก “ไร่ฟ้าใส สวนพุทราหิมะขาว13 น้ำอ้อย12 ลิ้นจี่”