Saturday, September 28, 2024

ผจว.หนองคาย พร้อมเหล่ากาชาดจังหวัดหนองคายลงพื้นเยี่ยมเยียนและมอบถุงยังชีพช่วยเหลือชาวบ้านว่าน ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำห้วยลานเข้าท่วมฉับพลัน บ้านเรือน ปชช.และนาข้าวจมน้ำเสียหายนานแรมเดือน หนักสุดในรอบ 22 ปี

วันที่ 28 ก.ย. 2567 นายสมภพ สมิตะสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย , นางอัอมขวัญ คงทัน รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดหนองคาย พร้อมคณะกรรมการและสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดหนองคาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ ต.บ้านว่าน อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย โดยมีนายนวน โทบุตร นายอำเภอท่าบ่อ , นายประภาส คลังชำนาญ นายก อบต.บ้านว่าน หัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทีม อสม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ




โดยเบื้องต้นได้มอบถุงยังชีพ จำนวน 40 ชุด ให้กับผู้ประสบภัยในพื้นที่บ้านกลางน้อย หมู่ที่ 7 และอีก 70 ชุด ให้กับผู้ประสบภัยในพื้นที่บ้านเป้า หมู่ที่ 8  ต.บ้านว่าน อ.ท่าบ่อ โดย ผจว.หนองคาย ได้เข้าพบปะพูดคุยให้กำลังใจผู้ประสบภัย เพื่อแสดงถึงความห่วงใยและสร้างขวัญกำลังใจในการบรรเทาความเดือดร้อน และคลายความวิตกกังวลให้กับประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ




ทั้งนี้ ต.บ้านว่าน อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ยังประสบกับปัญหาน้ำห้วยลานล้นตลิ่งจากฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลากจาก จ.นองบัวลำกู , อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี และ อ.สังคม จ.หนองคาย รวมทั้งการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยทอนตอนบน อ.โพธิ์ตาก จ.หนองคาย ทำให้มีบริมาณน้ำในเขตลุ่มน้ำหัวยโมง และพื้นที่ลุ่มต่ำมีระดับน้ำสูงขึ้นล้นตลิ่ง มวลน้ำในลำห้วยโมงยังไหลเข้าสู่ห้วยลาน ที่เป็นแก้มลิงรับน้ำจากลำห้วยโมงจนเกินความจุ เอ่อเข้าท่วมตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย. - 28 ก.ย. 67 บ้านเรือนประชาชนพื้นที่บ้านกลางน้อย หมู่ที่ 7 และบ้านเป้า หมู่ที่ 8 จำนวน 110 หลังคาเรือน วัด โรงเรียน ฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่ ถนนระหว่างหมู่บ้าน ถนนระหว่างตำบลถูกน้ำท่วม รวมทั้งนาข้าวกว่า 4,500 ไร่ จมน้ำสูงกว่า 2 เมตร นานแรมเดือนเริ่มเสียหาย



ถือเป็นสถานการณ์น้ำท่วมที่รุนแรงที่สุดในรอบ 22 ปี ซึ่งน้ำห้วยลานเข้าท่วมอย่างนี้ต้องย้อนกลับไปในปี 2545 ซึ่งมีความรุนแรงไม่แตกต่างกัน เบื้องต้นทีมปฏิบัติการฯ ศูนย์ ปภ.เขต 6 ขอนแก่น ได้เร่งสูบน้ำในพื้นที่ ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย เพื่อระบายน้ำห้วยลานท่วมขังลงสู่ลำห้วยโมงโดยเร็วที่สุด










Thursday, September 26, 2024

'หนองคาย' เตรียมจัดงาน OTOP เชื่อมสัมพันธ์ไทย-ลาว ยกทัพสินค้าเด่นหนองคาย - กลุ่ม จ.สบายดี - สปป.ลาว จัดแสดงและจำหน่าย 100 ราย ในงาน "ฮักกัน มั่นแก่น ค้าขายร่วมกัน สานสัมพันธ์ สองแผ่นดิน"

 


จ.หนองคาย โดย สนง.พัฒนาชุมชนจังหวัดหนองคาย เตรียมจัดงาน "ฮักกัน มั่นแก่น ค้าขายรวมกัน สานสัมพันธ์สองแผ่นดิน" ในธีม ชม ชิม ข้อป OTOP สองแผ่นดิน ตำจอก ซอกซื้อ ม่วนชื่น ไทย-ลาว นำสินค้าเด่นจากผู้ประกอบการ OTOP จังหวัดหนองคาย กลุ่มจังหวัด "สบายดี" ผู้ประกอบการจากทั่วประเทศ และจาก สปป.ลาว ร่วมจัดแสดงและจำหน่าย 100 ราย เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปี สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 ระหว่างวันที่ 7-11 ต.ค. 67 ณ บริเวณลานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ 60 พรรษา "ลานน้ำพุพญานาค"


วันที่ 26 ก.ย. 2567 เวลา 14.00 น. ที่ ห้องประชุมพันล้าน คอนเวนชั่นฮอลล์ โรงแรมพันล้าน บูติก รีสอร์ท อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย นายสมภพ สมิตะสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย พร้อมด้วยนายประดิษฐ์  นัดทะยาย พัฒนาการจังหวัดหนองคาย นางมนนิภา โกวิทศิริกุล ประธานหอการค้าจังหวัดหนองคาย นายวีระพงษ์ ผาแก้ว นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดหนองคาย และนายธงชัย แหวนเพชร ประธานเครือข่าย OTOP จังหวัดหนองคาย ร่วมกันแถลงข่าวจัดงาน "ฮักกัน มั่นแก่น ค้าขายร่วมกัน สานสัมพันธ์ สองแผ่นดิน" ภายใต้โครงการส่งเสริมการประชาสัมพันธ์และพัฒนาช่องทางการตลาดการท่องเที่ยวเชิงรุก  กิจกรรมประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัด "สบายดี" (อุดรธานี หนองคาย หนองบัวลำภู เลย บึงกาฬ) ภายใต้งานเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปี สะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 1 "ฮักมั่น ผูกพัน สานสัมพันธ์ สองฝั่งโขง" กิจกรรมย่อย "ฮักกัน มั่นแก่น ค้าชายร่วมกัน สานสัมพันธ์ สองแผ่นดิน" ในธีมงาน "ชม ชิม ช้อป OTOP สองแผ่นดิน ตำจอก ชอกซื้อ ม่วนชื่น ไทย-ลาว"




นายสมภพ สมิตะสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า จังหวัดหนองคายจัดอยู่ในเขตพัฒนาการท่องเที่ยววิถีชีวิตลุ่มน้ำโขง โดยจังหวัดหนองคายมีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ด้วยรูปร่างที่มีพื้นที่ลักษณะพิเศษทอดยาวขนานตามลำแม่น้ำโขง เปรียบเสมือน "มหานที่แห่งชีวิต" เป็นมรดกทางธรรมชาติที่สวยงามเป็นต้นทุนในการพัฒนาและดึงดูดนักท่องเที่ยว และจังหวัดหนองคายยังมีจุดเด่นที่สำคัญ คือ "สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1" ที่เชื่อมจังหวัดหนองคาย ประเทศไทย กับนครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว หรือ สปป.ลาว โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลออสเตรเลีย ในการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 เป็นจำนวนเงิน 42 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย และเมื่อวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2537 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลดยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 ร่วมกับ ฯพณฯ หนูฮัก พูมสะหวัน ประธานประเทศแห่ง สปป.ลาว ในขณะนั้น และ ฯพณฯ พอล คิดติง นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ในขณะนั้น และเปิดให้ประชาชนได้ใช้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว อย่างเป็นการ เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2537 ซึ่งสะพานมิตรภาพแห่งนี้ได้สร้างประโยชน์ให้กับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งในแง่เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว การแลกเลี่ยนวัฒนธรรม การคมนาคมและขนส่ง และสะพานไม่เพียงแต่เชื่อมโยงพื้นที่สองประเทศในทางกายภาพ แต่ยังเชื่อมโยงจิตใจและส่งเสริมสายสัมพันธ์ ระหว่างประชาชนชาวไทยและชาวลาว สะพานแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพ และความร่วมมือระหว่างไทยและลาว เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปี สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 ไปพร้อมๆ กับการพัฒนาศักยภาพด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ด้วยการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์การเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว และเมืองน่าอยู่ริมฝั่งโขงให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปได้รับทราบ




ผจว.หนองคาย กล่าวอีกว่า จังหวัดหนองคงคายจึงได้จัดทำการประชาสัมพันธ์ ในโครงการส่งเสริมการประชาสัมพันธ์และพัฒนาช่องทางการตลาด การท่องเที่ยวเชิงรุก กิจกรรมประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัด "สบายดี" ภายใต้งานเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปี สะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 1 ซึ่งถือว่าการจัดงานครั้งนี้มีความสอดคล้องกับนโยบายของทางจังหวัดเป็นอย่างมาก ในการเพิ่มพื้นที่ซื้อขาย ก่อให้เกิดการสร้างอาชีพ สร้างรายได้แก่ชุมชน เป็นการช่วยเพิ่มพื้นที่ในการจับจ่ายสินค้าจากผู้ผลิตโดยตรง และเปิดช่องทางการแลกเปลี่ยนกันเอง และสามารถผลิตลิตสินค้าได้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค นำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้มีความมั่นคง และถือเป็นสิ่งที่ดีในการเชื่อมสัมพันธ์การค้าขายและด้านเศรษฐกิจให้กับสองประเทศ ทั้งไทยและลาวให้มีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นอีกทางหนึ่ง




นายประดิษฐ์ นัดทะยาย พัฒนาการจังหวัดหนองคาย กล่าวถึงการจัดงานครั้งนี้ว่า การจัดกิจกรรมจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP "ฮักกัน มั่นแก่น  ค้าขายร่วมกัน สานสัมพันธ์ สองแผ่นดิน" จัดอยู่ในโครงการส่งเสริมการประชาสัมพันธ์และพัฒนาช่องทางการตลาดการท่องเที่ยวเชิงรุก กิจกรรมประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัด "สบายดี" ภายใต้งานเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปี สะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 1 "ฮักมั่น ผูกพัน สานสัมพันธ์ สองฝั่งโขง" กิจกรรมย่อย "ฮักกัน มั่นแก่น ค้าขายร่วมกัน สานสัมพันธ์ สองแผ่นดิน" การจัดงานในครั้งนี้จะมาในธีมของ ชวนกันมา ชม ชิม ช้อป OTOP สองแผ่นดิน ตำจอก ซอกซื้อ ม่วนซื่นไทย-ลาว จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 30 ปี สะพานมิตรภาพไทย-สาว แห่งที่ 1 (หนองคาย-เวียงจันทน์) นอกจากจะเป็นการเฉลิมฉลอง 30 ปี สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 แล้ว ยังเป็นการเพิ่มโอกาสเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ OTOP ของจังหวัดหนองคาย รวมถึงให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ในจังหวัดหนองคาย และของกลุ่มจังหวัด "สบายดี" ได้เรียนรู้แนวทางในการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานสินค้าให้เป็นที่ยอมรับและได้มีโอกาสทางการค้าเพิ่มมากยิ่งขึ้น สำคัญที่สุดเพื่อเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ด้านการค้าและความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและผู้ประกอบการของประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว ให้มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นยิ่งขึ้น




พช.หนองคาย กล่าวอีกว่า สำหรับกิจกรรมภายในงาน เป็นการจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP จากผู้ประกอบการจังหวัดหนองคาย กลุ่มจังหวัด "สบายดี" และผู้ประกอบการจากทั่วประเทศ รวม 90 ร้านค้า ผู้ประกอบการจาก สปป.ลาว อีก 10 ร้านค้า รวม 100 ร้านค้า ซึ่งก็จะมีสินค้าหลากหลายประเภท ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม สมุนไพร เครื่องประดับ เครื่องแต่งกาย ของใช้ของที่ระลึก ของตกแต่งบ้าน เมนู OTOP หลากหลายเมนู รวมถึงผลิตภัณฑ์ชุมชนราคาดีมีคุณภาพ  นอกจากนี้ยังมีการแสดงจากศิลปินชื่อดัง อาทิ กระต่าย พรรณนิภา, เวียง นฤมล, ลำเพลินภัย, เต๋า ภูศิลป์ และเพลิดเพลินกับการแสดงศิลปวัฒนธรรม สนุกกับกิจกรรมส่งเสริมการขายตลอด 5 วัน เช่น กิจกรรมสินค้าดี นาทีทอง, ซื้อสินค้าภายในงานครบ 300 บาท ลุ้นรับบัตรของขวัญสินค้าในงานทุกวัน พร้อมลุ้นรับรางวัลใหญ่สร้อยคอทองคำในวันสุดท้าย  การจัดงาน "ฮักกัน มั่นแก่น ค้าขายร่วมกัน สานสัมพันธ์ สองแผ่นดิน" จะมีขึ้นวันที่ 7-11 ตุลาคม 2567 รวม 5 วัน ในเต็นท์ติดแอร์ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. - 21.00 น. ณ บริเวณลานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ 60 พรรษา หรือ "ลานน้ำพุพญานาค" อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย





Saturday, September 21, 2024

รมช.คลังพร้อม รมต.ประจำสำนักนายกฯ นำคณะลงพื้นที่หนองคาย มอบถุงยังชีพช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม ย้ำรัฐบาลฟื้นฟู-เยียวยาเต็มที่ ธกส.พักชำระหนี้ 1 ปี พักเงินต้น ลดดอกเบี้ย พร้อมมีสินเชื่อช่วยฉุกเฉินระยะสั้น


วันที่ 21 ก.ย. 2567 นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นำคณะผู้บริหารกรมประชาสัมพันธ์ กรมศุลกากร ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ลงพื้นที่ จ.หนองคาย เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัย มอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย น้ำโขงล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนมาตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยมีนายสมภพ สมิตะสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย นางสาวชนก จันทาทอง สส.หนองคาย เขต 2 นายเอกธนัช อินทร์รอด สส.หนองคาย เขต 3 นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ อดีต สส.หนองคาย ร่วมให้การต้อนรับ 


สำหรับสถานการณ์ขณะนี้ได้เข้าสู่ภาวะปกติ และกำลังเข้าสู่การฟื้นฟูเยียวยา ซึ่งมีการมอบถุงยังชีพให้ประชาชนจำนวน 300 ถุง จากนั้นได้เดินทางไปมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนในพื้นที่ อ.ท่าบ่อ ที่บริเวณหน้าบ้านของนายเอกธนัช อินทร์รอด สส.หนองคาย เขต 3 จำนวน 700 ถุง ส่วนในช่วงบ่ายได้เดินทางไปมอบถุงยังชีพที่โรงเรียนเทศบาล 5 มีชัยวิทยา อ.เมืองหนองคาย และวัดพุทธไสยาสน์ ต.บ้านเดื่อ อ.เมืองหนองคาย




น.ส.จิราพร กล่าวว่า รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร มีความห่วงใยต่อสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ โดยภายหลังจากที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ท่านนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมด่วนและกำชับให้ทุกหน่วยงานบูรณาการความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างสุดความสามารถ พร้อมมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (คอส.) พร้อมทั้งจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ทันที เพื่อรับมือกับภัยพิบัติที่กำลังเกิดขึ้นในหลายจังหวัดทั่วประเทศ และครั้งนี้มาให้กำลังใจพี่น้องประชาชนชาวหนองคายที่ได้รับความเดือดร้อนเป็นวงกว้าง นำถุงยังชีพมาให้ก่อนแล้วต่อไปจะเป็นการฟื้นฟูเยียวยา หลังจากนี้ก็จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันทั้งหน่วยงานรัฐ และอาสาสมัครต่างๆ เพื่อนำมาถอดถอนบทเรียนนำไปวางแผนงานในอนาคต





นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัย ได้กำชับให้รัฐมนตรีกระจายกันไปให้กำลังใจเยี่ยมเยือนประชาชนในแต่ละพื้นที่ ทั้งเชียงใหม่ เชียงราย ในครั้งนี้ได้มาที่หนองคายซึ่งในการประชุมคณะรัฐมนตรี ได้มีการอนุมัติงบประมาณ 3,000 ล้านบาท ในการช่วยเหลือประชาชน เป็นงบประมาณที่จะมาบรรเทาความเดือดร้อน มาซ่อมแซมบ้านที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย กำชับให้ลดขั้นตอนของงานเอกสารเนื่องจากปัญหาของชาวบ้านต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เอาเฉพาะที่จำเป็นให้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชน จะได้รับงบประมาณไปซ่อมแซมบ้านเรือน




รมช.คลัง กล่าวอีกว่า ส่วนเงินดิจิทัลปลายเดือนนี้กลุ่มเปราะบางจะได้รับเงิน 10,000 บาทอย่างแน่นอน ขอให้อดทนรอ รัฐบาลจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว 180,000 ล้านบาท จะเติมเงินให้ประชาชนเพราะรู้ว่าทุกคนรออยู่ นอกจากนี้ยังได้แจ้งกับผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ทราบว่ามีงบของจังหวัดอยู่ 20 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือประชาชน หากต้องการเพิ่มเติมขอให้แจ้งมาจะให้กรมบัญชีกลางอนุมัติให้อีก 100 ล้าน  ส่านในด้านการช่วยเหลือนั้นขอให้ผู้ใหญ่บ้านประสานงานกับอำเภอและจังหวัดสำรวจความเสียหายทั้งบ้านเรือน และพื้นที่ทางการเกษตร เพื่อขอรับเงินชดเชยตามมาตรการที่กำหนดไว้ รวมถึงต้องมาวางระบบการแก้ไขปัญหาระยะยาวเกี่ยวกับระบบชลประทาน หาวิธีจัดการระบบน้ำท่วมน้ำแล้งให้มีประสิทธิภาพ




ในโอกาสนี้ทาง ธกส.เองได้แจ้งกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบว่า ธกส.จะออกมาตรการเลื่อนกำหนดหนี้สิน 1 ปี พักเงินต้น คนไหนที่จำเป็นต้องใช้เงินเร่งด่วน สินเชื่อเร่งด่วน 6 เดือน 50,000 บาท ซ่อมแซมบ้าน 500,000 บาท พักชำระเงินต้น ดอกเบี้ยต่ำ นอกจากนี้ทางธนาคารออมสินก็จะมีการสินเชื่อที่ไม่ต้องมีคนค้ำประกันอีก 10,000 บาท ดอกเบี้ยต่ำ เป็นเงินกู้ระยะสั้นเพื่อให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนมีเงินทุนหมุนเวียนนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ก่อน





Friday, September 20, 2024

"เทศบาลเมืองท่าบ่อ" ตรวจเข้มผู้ได้รับผลกระทบน้ำท่วม ป้องกันคนฉวยโอกาส ยันแจก 1,280 หลังคาเรือนให้เท่าเทียม เสมอภาค


วันที่ 21 ก.ย. 2567 นายทวีพร จิตกูลสัมพันธ์ รองนายกเทศมนตรีเมืองท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย เปิดเผยถึงกรณีเกิดสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นทึ่ขณะนี้ ส่งผลให้บ้านเรือน ที่อยู่อาศัย และพื้นที่การเกษตรของประชาชนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ว่า ทางเทศบาลฯได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันอย่างใกล้ชิดตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา 


โดยทางเทศบาลฯ ได้ตรวจเข้มผู้ได้รับผลกระทบอย่างแท้จริง และวางระบบการมอบถุงยังชีพ ยืนยันแจก 1,280 หลังคาเรือนให้เท่าเทียม เสมอภาค เพื่อแก้ปัญหาคนฉวยโอกาสเวียนรับของ หรือมิจฉาชีพที่แอบแฝง เพื่อให้แน่ใจว่าถุงยังชีพของผู้มอบส่งถึงผู้เดือดร้อนน้ำท่วมทุกหลังคาเรือน และกำกับดูแลให้สินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพของประชาชนให้มีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการใช้ รวมทั้งตรวจเข้มร้านค้า ห้ามมีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าโดยเด็ดขาด