วันที่ 31 ส.ค. 2567 นางสาวสุนันทา หามนตรี ผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์ในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และนางสาวกนกวรรณ ดุงศรีแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท.สำนักงานอุดรธานี นำสื่อมวลชนทัศนศึกษาแหล่งท่องเทียวธรรมชาติดอนป่าเปือย บ้านหม้อ หมู่ 7 ต.บ้านหม้อ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ตามเส้นทางท่องเที่ยวหน้าฝน Green Season จ.บึงกาฬ หนองคาย อุดรธานี และพื้นที่ใกล้เคียง ระหว่างวันที่ 29 ส.ค. -1 ก.ย. 67 โดยมีนายสนอง เข็มพรหมมา ประธานคณะกรรมการจิตอาสาพัฒนาดอนป่าเปือยและคณะกรรมการฯ ร่วมให้การต้อนรับพร้อมพาคณะ ททท.และสื่อมวลชนเยี่ยมชมป่าเปือยบนพื้นที่ 36 ไร่ โดยมีต้นเปือยขนาดใหญ่ อายุ 300-400 ปี ต้นใหญ่ที่สุดมีเส้นรอบวง 5.30 เมตร หรือ 5 คนโอบ และมีต้นเปือยขนาดใหญ่อยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก เป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย
ดอนป่าเปือยเปือยแห่งนี้ ยังเคยเป็นที่ปักกลดหลวงปู่ฟั่น อาจาโร เมื่อปี 2475 และด้วยเป็นป่าไม้โบราณนานาชนิด เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งนอกจากต้นเปือยแล้ว ยังมีกล้วยป่า ต้นบอนป่า ตาว อ้อยช้าง ต้นบุก ดูกใหญ่ ฯลฯ และยังมีพืชสมุนไพรหลากหลายชนิดที่หาได้ยาก ซึ่งได้ทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2565
ความสำคัญของป่าเปือยแห่งนี้ยังมีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับพญานาค โดยเป็นสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่อง 15 ค่ำ เดือน 11 บั้งไฟพญานาค เมื่อปี 2543 - 2544 และแต่ละปีจะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว คือ วันที่ 9 เมษายนทุกปี จะทำบุญตักบาตรหาบรรพบุรุษบนสะพานในป่า แห่งเดียวในจังหวัดหนองคาย กลางคืนฉายหนังให้ผีดูจนซอดแจ้ง และกิจกรรมวันออกพรรษา 15 ค่ำ เดือน 11 จุดเทียน 1,511 เล่ม บนราวสะพานอย่างสวยงามอลังการ พร้อมย้อนรอยฉายหนัง 15 ค่ำ เดือน 11 บั้งไฟพญานาค
นางสาวสุนันทาฯ ผอ.กองประชาสัมพันธ์ในประเทศ ททท. กล่าวว่า จากที่ได้เข้าไปดูในป่าชุมชนดอนป่าเปือยก็รู้สึกประทับใจ ที่เรียกว่ามีความอุดมสมบูรณ์สูงมาก มีความหลากหลายของพืชพันธุ์และมีต้นไม้ที่สวยงาม และเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ อย่างเช่นต้นเปือยซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะมีเยอะขนาดนี้ ไม่ใช่แค่ว่าจะมีเยอะ แต่มีขนาดที่แสดงถึงความเก่าแก่ของพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ซ่อนอยู่ข้างใน ซึ่งเกิดจากการเล่าเรื่องของคนในชุมชนและอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด และก็มีการค่อยๆ เริ่มพัฒนาให้เห็นเกร็ดที่ซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเชิงพืชพันธุ์หรือว่าเชิงความเชื่อ คิดว่าต่อไปถ้ามีการพัฒนาอีกซักเล็กน้อย ซึ่งตอนนี้ก็คือดีมากอยู่แล้วสำหรับการเริ่มต้น และก็ประทับใจเรื่องการเล่าเรื่อง ซึ่งเป็นการเล่าเรื่องที่สนุกมาก ทำให้เราไม่เบื่อไม่เหนื่อยในการที่จะเดินไปในป่า ทำให้อยากจะเดินไปเลื่อยๆ ว่าจะมีอะไรที่น่าสนใจอีกไหมหรือมีอะไรใหม่ๆ ในป่าแห่งนี้
ผอ.กองประชาสัมพันธ์ในประเทศฯ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการพัฒนาพื้นที่ตรงนี้คือไม่อยากให้เรียกว่าการพัฒนา อยากให้มีการขยาย อย่างเช่นการเล่าเรื่องด้วยมนต์เสน่ห์ของการเล่าเรื่องชุมชน ถ้าคนเล่าเรื่องสนุก เล่าแล้วมีมิติ เล่าแล้วมีเกร็ดความรู้บวกกับความสนุกเข้าไปด้วย จะทำให้คนที่มาท่องเที่ยวชื่นชอบและบอกต่อได้ ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดและทำให้การท่องเที่ยวยั่งยืน ซึ่งอนาคตพื้นที่แห่งนี้จะบรรจุในปฏิทินเส้นทางท่องเที่ยวเสริมสิริมงคลตามความเชื่อเชื่อมโยงเส้นทางพญานาค ในพื้นที่ดินแดนแห่งความศักดิ์สิทธิ์ จ.บึงกาฬ หนองคาย และอุดรธานี ต่อไป