Friday, May 31, 2024

พบแล้ว! ศพเฒ่าวัย 67 ปี กระโดดน้ำโขงจมหาย 3 วัน ห่างจากจุดเกิดเหตุ 100 กม.


พบแล้ว! ศพเฒ่าวัย 67 ปี กระโดดน้ำโขงจมหาย 3 วัน ชาวประมงลอยอืดโพล่ริมโขงท่าน้ำบ้านเวิน อ.โพนพิสัย ห่างจากจุดเกิดเหตุ 100 กม.


วานนี้ 31 พ.ค. 2567 เวลา 10.00 น. ตำรวจ สภ.โพนพิสัย อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ได้รับแจ้งจากชาวประมงที่ออกจับปลาในแม่น้ำโขง ว่าพบศพชายริมฝั่งแม่น้ำโขง บริเวณท่าน้ำบ้านเวิน ต.จุมพล อ.โพนพิสัย หลังรับแจ้งได้รุดไปยังจุดที่พบศพในทันที พร้อม จนท.หน่วยเรือโพนพิสัย(นรข.เขตหนองคาย) , กู้ภัยชบา 191 , แพทย์เวร รพ.โพนพิสัย



ทั้งนี้  สืบเนื่องมาจากกรณีเมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา นายนิรันด์ จันทะคัต อายุ 67 ปี ชาวบ้านโคกซวก หมู่ที่ 3 ต.พระพุทธบาท อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ป่วยเป็นโรครุมเร้าหลายโรค และเมื่อ 3 ปีก่อนก็ป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองแตก จนพิการอัมพฤกษ์ เลยเกิดอาการเครียดและคิดสั้นกระโดดแม่น้ำโขงฆ่าตัวตาย บริณลานโขดหินริมแม่น้ำโขง หลังที่พักแม่ชีวัดหินหมากเป้ง 



ต่อมาได้มีการประสานนักประดา น้ำเจ้าหน้าที่กู้ภัยประจักษ์ เข้าทำการค้นหาโดยใช้อุปกรณ์เครื่องซาวเดอร์ เป็นเครื่องมือค้นหาวัตถุใต้น้ำ แต่ก็ไม่พบร่างของนายนิรันดร์ จนเวลาล่วงเลยผ่านไป 3 วัน สภ.โพนพิสัย ก็ได้แจ้งว่าพบร่างของนายนิรันดร์แล้ว โดยร่างอันไร้วิญญาณของนายนิรันดร์โผล่ขึ้นบริเวณดังกล่าว ไกลจุดที่จมหายไป  100 กิโลเมตร จึงได้ประสานญาติมาตรวจสอบและยืนยันว่าเป็นศพของนายนิรันดร์ จริง จนท.ได้ทำการห่อร่างก่อนมอบให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป





ถกเดือด! ขอใช้พื้นที่สวนสมเด็จย่า สภาฯเมืองท่าบ่อเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ 17 เสียง งดออกเสียง 1

สภาฯเมืองท่าบ่อเดือด! ถกเลื่อนขอใช้พื้นที่สวนสมเด็จย่า "สท.ชัย" ซัด ระเบียบวาระออกมาแล้วก็ต้องทำตามระเบียบเอกสาร ขืนเลื่อนอาจผิดกฎหมายติดคุกมาแล้วหลายคน "นายกหนุ่ย"ลมออกหู ลั่นกลางสภาฯ ทนมา 3 ปีแล้ว เหตุผลแบบนี้แหละที่มีความจำเป็นที่ต้องได้รับการแก้ไข แค่เลื่อนความสำคัญของญัตติ มันไม่ใช่การจัดซื้อจัดจ้าง คนละเรื่อง สุดท้ายยกมือเห็นชอบให้ใช้พื้นที่เป็นเอกฉันท์ 17 เสียง งดออกเสียง 1


เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2567 เวลา 10.00 น. ที่ ห้องประชุมสภาเทศบาลเมืองท่าบ่อ ชั้น 2 สำนักงานเทศบาลเมืองท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย นายมนูญ อิสิ ประธานสภาเทศบาลเมืองทุ่าบ่อ ได้ทำการเปิดประขุมสภาเทศบาลเมืองท่าบ่อ สมัยสามัญ สมัยที่  2 ครั้งที่ 1 ประจำปี 2567 ซึ่งมีสมาชิกสภาเทศบาลฯทั้ง 3 เขต เข้าร่วมประชุมครบองค์ประชุม 18 คน โดยมีประชาชนมาเข้าร่วมรับฟังการประชุมฯครั้งนี้ ทั้งในห้องประชุมสภาฯและรับรองกว่า 30 คน รวมทั้งมีการไลฟ์สดผ่านเพจเทศบาลเมืองท่าบ่อ เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ข่าวสารอย่างทั่วถึง





ในการประชุมสภาเทศบาลเมืองท่าบ่อครั้งนี้ มีญัตติวาระในการประชุม 5 วาระ โดยเฉพาะญัตติวาระที่ 5 ซึ่งเป็นเรื่องที่เสนอโครงการใหม่ และมีญัตติวาระย่อยอีก 4 วาระ ประกอบด้วย 5.1 มีญัตติวาระย่อย 2 โครงการ, 5.2  มีญัตติวาระย่อย 3 โครงการ, 5.3  มีญัตติวาระย่อยถึง 25 โครงการ และข้อ 5.4 เป็นโครงการขอความเห็นชอบใช้ที่ดินสาธารณประโยซน์ (สวนสมเด็จย่า) เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการก่อสร้างประปาเทศบาลเมืองท่าบ่อ ซึ่งเป็นวาระที่สนใจขอวประชาชนในเขตเทศบาลเมืองท่าบ่อ ในการประชุมสภาฯครั้งนี้



จุดเดือดของสภาฯ อยู่ที่การขอเลื่อนวาระข้อ 5.4 มาอภิปรายเป็นอันแรก โดยนายไพฑูรย์ ทับภูตา รองประธานสภาเทศบาลเมืองท่าบ่อ ได้ลุกขึ้นเสนอต่อสมาชิก ขอเลื่อนข้อ 5.4 ดังกล่าว ทำให้นายพรชัย พรพิรุณโรจน์ หรือ สท.ชัย สมาชิกสภาเทศบาลเมืองท่าบ่อ เขต 2 ลุกขึ้นอภิปรายให้ยึดตามวาระการประชุมที่ระบุไว้ในหนังสือการประชุมฯ ที่ได้กำหนดไว้แล้ว โดยประธานสภาฯ นายมนูญ อิสิ จึงได้ขอให้สมาชิกลงมติว่าเห็นด้วยกับการเลื่อนข้อ 5.4 มาอภืปรายเป็นอันดับแรก หรือไม่เห็นด้วย ผลออกมาไม่เห็นด้วย 9 เสียง เห็นด้วย 8 เสียง 


แต่เรื่องไม่จบ เมื่อนายทวีพร จิตกูลสัมพันธ์ รองนายกเทศมนตรีเมืองท่าบ่อ ลุกขึ้นถามหาเหตุผลต่อสมาชิก ว่ามีเหตุผลอะไรถึงไม่ให้เลื่อน ทั้งๆ ที่ประชาขนให้ความสนใจในเรื่องนี้ ว่าพื้นที่สร้างประปานั่นจะได้หรือไม่ได้  โดย ร.ต.ต.สุนทร กรมธรรมมา สมาชิกสภาเทศบาลเมืองท่าบ่อ เขต 2 ก็ลุกขึ้นมาอภิปรายสนับสนุนตามที่รองประธานสภาฯ เสนอให้เลื่อนข้อ 5.4 มาเป็นญัตติสาระแรกเช่นกัน โดยให้เหตุผลว่า มีพี่น้องชาวท่าบ่อให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก


ทำให้ สท.ชัย ยกมือขอประธานสภาฯ ลุกขึ้นอภิปรายเหตุผล ว่าทำไมถึงเลื่อนไม่ได้ ก็เพราะว่าหนังสือในการประชุมเล่มนี้มันมี 5.1, 5.2 แล้วจะกระโดดไปมาเพื่ออะไร เพราะทุกญัตติที่เสนอมาทุกๆ ญัตติ ต้องผ่านการพิจารณาของสมาชิกสภาเทศบาลเมืองท่าบ่ออยู่แล้ว ไม่มีญัตติไหนที่สมาชิกไม่พิจารณา ซึ่งทุกครั้งที่มีการประชุมสภาฯ ทุกญ้ตตินั้นมันมีความสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นตัวเลข รายละเอียด ผิดพลาดมามีโอกาสโดนดำเนินคดี ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตนก็เลยยึดตามหนังสือประชุม ถ้าอยากให้ทำก่อน ทำไมไม่เลื่อนขึ้นมาเป็นข้อ 5.1 ซะเลย  ในเมื่อมันอยู่ 5.4 แล้วก็พิจารณาตามหนังสือไป  ซึ่งการประชุมสภาฯ ตนยึดถือตามหนังสือเป็นหลักอยู่แล้ว ถูกต้องก็เห็นด้วย ไม่ถูกต้องก็ให้นำกลับไปแก้ไข ซึ่งมันสำคัญมาก ถ้าผิดพลาดไปถึงจะหมดวาระก็ติดคุกได้ มีตัวอย่างให้เห็นแล้วหลายคน




หลังจากนั้นก็ได้มีการลุกขึ้นโต้ตอบกันไปมาระหว่างทีมฝ่ายบริหารกับฝ่ายค้านกันอย่างดุเดือด ต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลมาหักล้างกันไปมา จนกระทั่ง นายกิตติศักดิ์ วรรณวิเชษฐ์ นายกเทศมนตรีเมืองท่าบ่อ หรือ นายกหนุ่ย ได้ลุกขึ้นอภิปรายต่อสมาชิกฯว่า เหตุผลที่จะนำข้อที่ 5.4 ขอความเห็นชอบใช้ที่ดินสาธารณประโยซน์ เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการก่อสร้างประปาฯ เลื่อนมาอภิปรายอันดับแรกก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน เนื่องจากเกรงว่าการอภิปรายจะยืดเยื้อไปถึง 4 โมง 5 โมงเย็น ซึ่งพี่น้องประชาชนน่าจะมีธุระ ต้องนำเรียนก่อนว่าที่พวกเรามาอยู่ในที่แห่งนี้ก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนทุกคน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจและเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ถ้าหากวาระการประชุมนี้น่าจะเป็นความสำคัญอันดับหนึ่ง ที่มีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกด้าน คนพิการ คนป่วยติดเตียง ปัญหาสังคม สุขภาพจิต คนทำการค้าขาย ล้วนต้องการน้ำ อันนี้เป็นวาระเร่งด่วน ส่วนที่เราถกเถียงกันว่าถูกกฎหมายหรือไม่ถูกกฎหมาย ก็จะให้ผู้ที่ดูแลตรงนี้มาชี้แจง ว่าตรงนี้สามารถเลื่อนได้หรือไม่ และมันผิดกฎหมายอะไร 



โดยในช่วงท้ายๆ ในการอภิปรายของ "นายกหนุ่ย" ก็เริ่มมีอารมณ์มากขึ้น ซึ่งได้พูดขึ้นว่า "ทำไมถึงไม่ให้คนที่เป็นเจ้าของตัวจริงเขาอยากรู้เรื่องของเขา" จนทำให้ประธานสภาฯบอกนายกฯพอแล้ว แต่"นายกหนุ่ย"ยังอภิปรายต่อว่า "เนื้อหาสาระการประชุม มันเป็นแค่เป็นเรื่องของการประชุม แค่อยากจะจัดลำดับความสำคัญ มันไม่ได้เกี่ยวกับผิดกฎหมายอะไร  มันจัดลำดับความสำคัญเฉยๆ ที่สภาต้องอนุมัติ จะให้ ไม่ให้ก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอน แต่วันนี้เห็นว่าคนมาเยอะ และได้เห็นพลังของประชาชนในพื้นที่ อยากได้รับงบประมาณสมใจ เขาจะได้รับรู้ กฏหมายรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่า ต้องทำตามความต้องการของประชาชน ไม่ใช่การจัดซื้อจัดจ้างผิดระเบียบ มันคนละประเด็น  เอาประเด็นนี้ก่อน ประเด็นจัดลำดับความสำคัญในการประชุม ไม่เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง มันคนละเรื่อง" จนทำให้ประชาชนที่มาร่วมรับฟังในสภาฯ ปรบมือให้กับนายกฯ ประธานสภาฯ ถึงกับต้องบอกเตือนไปว่า "ไม่อนุญาตให้ปรบมือ เพราะที่นี่เป็นการประชุมสภาฯ ไม่ใช่เวทีอภิปรายถึงปรบมือได้"


โดยในขณะนั้น "นายกหนุ่ย" ยังมีอารมณ์ค้างอยู่ และได้กล่าวขึ้นว่า ความเดือดร้อนของบ้านเราทุกคน (ในขณะนั้นได้มีสมาชิกพูดแทรกขึ้นมา) ทำให้นายกฯถึงกับกล่าวลั่นเสียงดังในสภาฯว่า "เอ๊าก็ดูเอา ทนมา 3 ปีแล้ว เหตุผลแบบนี้แหละ ที่มีความจำเป็นที่ต้องได้รับการแก้ไข คนทำงานงาน 3 ปีนะ" แล้วก็ได้นั่งลง ก่อนที่จะลุกขึ้นมายกมือไหว้ขอโทษสมาชิกที่ได้พูดเสียงดังไป จนมีสมาชิกทักท้วงถึงประธานสภาฯว่า "ญัตติผ่านไปแล้ว ท่านประธานต้องเริ่มประชุม" 


จากนั้น นายสมคิด นครภักดี สมาชิกสภาเทศบาลเมืองท่าบ่อ เขต 2 ได้ลุกขึ้นอภิปรายถามไปยังประธานสภาฯว่า "มีการประกาศข่าวเมื่อวานนี้ว่าท่านผู้บริหารเชิญพี่น้องประชาชนเข้ามาร่วมรับฟังในการประชุม แล้วมาบอกว่าพี่น้องมีภารกิจหลายอย่าง ก่อนที่ท่านจะเชิญเขามา เอกสารของท่านทำไมไม่คิดที่จะนำเสนอเอกสารต่อสมาชิกได้พิจารณาก่อน แล้วมาพิจารณาตอนนี้ทำเพื่ออะไร มันทะแม่งๆ ครับท่านประธาน ทำเพื่ออะไร จัดฉากรีเปล่าครับท่านประธาน ขอถามแค่นี้นะครับท่านประธาน จัดฉากรึเปล่าครับ"



หลังจากนั้นประธานสภาฯ ก็ให้นายเนตร มุนิวงศ์ ปลัดเทศบาลฯ ในฐานะเลขาธิการสภาเทศบาลเมืองท่าบ่อ เป็นผู้อธิบายในการเลื่อนระเบียบวาระการประชุมนั้นผิดกฎหมายหรือไม่ โดยเลขาฯสภาฯได้ชี้แจงข้อกฏหมายในการเลื่อนระเบียบวาระนั้นสามารถกระทำได้ โดยผ่านความเห็นชอบจากสมาชิก ซึ่งเมื่อมติผ่านการเห็นชอบไม่ให้เลื่อน ก็ยึดการประชุมตามระเบียบวาระเดิม


โดยประธานสภาฯ ก็เริ่มให้สมาชิกทำการอภิปรายจนไปถึงเวลา 12.30 น. ก็ได้ทำการพักการประชุม ซึ่งในระหว่างพักการประชุม มีชาวบ้านที่มาร่วมรับฟังได้นำป้ายไวนิลที่เขียนข้อความว่า "เราเป็นกำลังใจให้ผู้บริหารและทีมงาน ในความพยายามแก้ไขปัญหาน้ำประปาท่าบ่อ" ซึ่งนายกหนุ่ยได้ยกมือไหว้ขอบคุณ พร้อมกับพูดขึ้นว่า "ผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด จนกว่าจะหมดวาระจนวันสุดท้าย" เรียกเสียงปรบมือให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก


กระทั้งเวลา 13.30 น. ก็เข้าทำการประสภาอีกครั้ง โดยการอภิปรายยังอยู่ในญัตติวาระข้อ 5.3 ที่มีโครงการเสนอใหม่ถึง 25 โครงการ ถูกสมาชิกตีตกไม่เห็นชอบ 9 ต่อ 8 เสียง มากกว่าครึ่งโครงการ ส่วนโครงการที่เห็นชอบส่วนใหญ่จะเป็นโครงการด้านสาธารณูปโภค โครงสร้างพื้นฐานที่ชาวบ้านสามารถใช้ประโยชน์ได้มากสุด


กระทั่งเวลา 17.22 น. ก็ถึงระเบียบวาระสำคัญที่ประชาขนให้ความสนใจมากที่สุด คือ ข้อ 5.4 ขอความเห็นขอบใช้ที่ดินสาธารณประโยซน์ (สวนสมเด็จย่า) เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการก่อสร้างประปาเทศบาลเมืองท่าบ่อ โดย นายกหนุ่ย ได้มอบหมายให้ นายอนันท์ ศรีภา รองนายกเทศมนตรีเมืองท่าบ่อ ลุกขึ้นชี้แจงในการขอใช้พื้นที่ดังกล่าวแทน เนื่องจากนายกฯมีอาการเจ็บคอ


รองนายกฯสมคิด ได้ทำการชี้แจงที่มาที่ไปของงบประมาณที่ได้มา เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค ของประชาชนในเขตเทศบาลเมืองท่าบ่อ  งบประมาณ 31,238,000 บาท เสนอต่อกระทรวงมหาดไทย  ภายในกรอบวงเงินจังหวัดละ 60 ล้านบาท  ซึ่งในที่ประชุมของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2567 มีมติเห็นชอบทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2566 โดยให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัด จัดทำโครงการรายจ่ายประจำปี 2566 ไปพลางก่อนงบกลางรายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงินไม่เกิน 100 ล้านบาท และรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยเห็นชอบการนำเสนอดังกล่าวแล้ว  ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการดำเนินโครงการฯ และปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพระบบประปา เพื่อพัฒนาคุณภาพน้ำประปา และแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภคแก่ประชาชนในเขตเทศบาลเมืองท่าบ่อ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและถูกต้องตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการถอนสภาพการขึ้นทะเบียนและการจัดหาผลประโยชน์ในที่ดินสาธารณะ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2550 และหนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่ มท. 03031 / ว. 0003 ลงมติเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2561 เรื่องการซักซ้อมและขั้นตอนการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานเกี่ยวกับที่ดินสาธารณะประโยชน์ และถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบของคณะรัฐมนตรี "จึงเสนอญัตติขอความเห็นชอบ ขออนุญาตใช้ที่ดินสาธารณะประโยชน์ บริเวณสวนสมเด็จย่า ขนาดพื้นที่ 40×40 เมตร เพื่อก่อสร้างระบบประปาแบบบาดาลขนาดใหญ่มาก เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมสภาเทศบาลเมืองท่าบ่อ ได้พิจารณาเห็นชอบ ต่อไป" 


จากนั้น สท.สมคิด นครภัคดี ได้ลุกขึ้นซักถามไปนายกฯ ว่าเมื่อประชุมสภาสมัยสามัญ  สมัยที่ 2 ครั้งที่ 1 ประจำปี 2566 เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2566  มติที่ขอโอนเงินงบประมาณ 3 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าออกแบบประปา สามารถทำได้หรือไม่ ถูกต้องตามระเบียบหรือไม่  โดยรองนายกฯทวีพร ก็ได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า วันนี้เป็นการขอใช้พื้นที่ ไม่ใช่แบบก่อสร้าง เพราะสภามีความเห็นชอบไปแล้ว


ต่อมา สท.ชัย ก็ได้ลุกขึ้นอภิปรายว่า วันนี้ก็ดีใจที่เห็นพ่อแม่พี่น้องต่างนั่งลุ้นว่าญัตตินี้จะผ่านหรือไม่ ด้วยเหตุผลอะไร ก่อนที่จะลงมติก็จะขออธิบายคร่าวๆ ให้พี่น้องประชาชนทราบ ซึ่งเป็นการเข้าใจผิดกันมา กรณีการไปออกสื่อ สท.ที่นั่งอยู่ตรงนี้ไม่อนุมัติโครงการให้โดยไม่มีเหตุผล ก็อยากจะอธิบายตรงนี้ให้ฟังว่า ในการประชุมคราวที่แล้วได้มีการเสนอญัตติมาผ่านที่ประชุมตรงนี้ ทีนี้ก็จะสอบถามฝ่ายบริหารว่าโครงการที่ขอใช้สถานที่สวนสมเด็จย่า ทำจุดไหน ทำอะไรยังไง ทุกครั้งที่ประชุมสภา ก็ได้พูดอภิปรายไปแล้วว่าจะทำโครงการอะไร ทำแบบไหนก็ให้มีแบบมีสถานที่ทำโครงการชัดเจน รายละเอียดโครงการงบประมาณให้ชัดเจน แต่การประชุมครั้งที่แล้วมีแค่แผนที่อันเดียว ก็อยากให้พี่น้องประชาชนทราบ ว่าทำไมสภาถึงไม่อนุมัติ สภาถึงไม่ให้ผ่าน ซึ่งฝ่ายบริหารมีแค่แผนที่ตัวนี้ตัวเดียว แล้วจะทำงบประมาณโครงการว่าจะสร้างแบบไหน อย่างไร ไม่มีสักอย่าง แล้วใครจะกล้าไปอนุมัติ ว่าจะสร้างยังไง มีหอสูงไหม หรือว่าจะตั้งเครื่องสูบน้ำบาดาลมาให้พี่น้องประชาชนใช้  ซึ่งการประชุมสภามันต้องชัดเจน แต่มาคราวนี้ทางฝ่ายบริหารได้นำแบบประปามาประกอบการพิจารณา และก็นำข้อมูลรายละเอียดมา ในสภาแห่งนี้ก็พร้อมที่จะอนุมัติ


จากนั้นรองนายกฯทวีพร ได้ยกมือขอประธานสภาชี้แจงว่า เอกสารเมื่อที่ประชุมสภาครั้งที่แล้ว มันเป็นการใช้พื้นที่สาธารณะในการสร้างบาดาล จึงได้ขออนุมัติแบบใหม่ ที่สมาชิกไม่อนุญาต เพราะสมาชิกถามว่าจะใช้เงิน 3-4 ล้านทำไม ก็เลยเอาแบบเก่ามายื่นขอ แล้วพื้นที่ที่จะขอใช้ก็คือพื้นที่สวนสมเด็จย่า แล้วเขา(กลมบาดาล)ก็ลงมาสำรวจพื้นที่เอง แล้วก็อนุญาตให้ใช้พื้นที่ได้  สมาชิกยังมาบอกว่า "ผมไม่รู้เลยว่าเขาจะสร้างที่ไหน" ซึ่งการสำรวจไม่ได้ใช้เงินเทศบาลฯสักบาท แต่สมาชิกกลับไม่อนุมัติให้ใช้สวนสมเด็จย่า  เราก็ขอเพื่อเตรียมความพร้อม และเมื่อปี 66 ก็ต้องขอบคุณสมาชิกที่ยกมือให้ปรับปรุงท่อเมนประปา ซึ่งตัวนี้เป็นนโยบายของผู้บริหารมาเสนอสมาชิก แต่ด้วยความรักและห่วงใย ท่านสมาชิกดึงกลับไปกี่เปอร์เซ็นต์ จึงทำไม่ได้เท่าทุกวันนี้ ท่านสมาชิกรองกลับไปดูข้างหลังหน่อย ท่านสมาชิกตัดไป 20 เปอร์เซ็นต์ ผู้รับเหมาคนไหนเขาจะมาทำ ท่านสมาชิกเอาเอกสารมาจากห้างสรรพสินค้าบอกว่าราคาเท่านี้  อยากถามว่าหลวงซื้อจากห้างสรรพสินค้าได้ไหม เสร็จแล้วก็บอกว่าอนุมัติไป 6 เส้น ทำไมทำได้แค่ 2 เส้น เพราะท่านสมาชิกตัดงบประมาณมันถึงทำไม่ได้ ผู้ประกอบการประกาศออกมาแล้วขาดทุนใครเขาจะมาทำ  นี้คือเหตุผลว่าทำไมถึงต้องทำ ถ้าท่านสมาชิกให้ 100 แล้วฝ่ายบริหารไม่ทำก็เอาออกได้ แต่นี้ขอ 100 แต่ให้ 80 บาท ผู้ประกอบการเขาไม่ทำหรอก ขาดทุน แล้วเรื่องที่ขอใช้พื้นที่ว่าทางเราไม่มีเอกสาร ก็เพราะว่าทางกรมฯเขายังไม่ส่งมา เขาบอกให้เราเตรียมความพร้อม พอมีเอกสารมาก็ขอให้ท่านสมาชิกพิจารณา ทางกรมฯเขาก็บอกมาว่า "ถ้าไม่มีพื้นที่เขาก็จะขอเงินคืน" ในเมื่อสภาไม่ให้ใช้สถานที่ก็ไม่รู้ว่าจะไปตอบเขาอย่างไร ท่านสมาชิกกล้ายืนยันกับเขาไหมว่าสถานที่ไม่พร้อม ไม่ใช่ว่าไม่มีหลักฐาน ไม่มีอะไร


หลังจากนั้นมีการลุกขึ้นชี้แจงระหว่าง สท.ฝ่ายค้านกับทีมผู้บริหารสลับกันไปมา มีเรียกเสียงหัวเราะจากการอภิปรายเป็นช่วงๆ จนกระทั่งเวลา 17.44 น. ประธานสภาฯได้ให้เลขาฯสภาทำการนับองค์ประชุม แล้วทำการโหวตเสียงขอความเห็นชอบให้ใช้พื้นที่สวนสมเด็จย่าหรือไม่ ซึ่งสมาชิกทั้ง 18 คน ยกมือเห็นชอบให้ให้พื้นที่อย่างเป็นเอกฉันท์ 17 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง ทำให้ชาวบ้านที่มานั่งร่วมรับฟัง เฮลั่นทั้งห้องประชุมสภา จากนั้นประธานสภาก็ได้ปิดการประชุมสภาฯ สมัยสามัญ สมัยที่ 2 ครั้งที่ 1 ประจำปี 2567 โดยมีชาวบ้านร่วมถ่ายรูปแสดงความยินดีกับทีมผู้บริหารที่หน้าห้องประชุม ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับ



Wednesday, May 29, 2024

จ.หนองคาย จัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ในพระราชานุเคราะห์ฯ ไตรมาสที่ 3 พื้นที่ อ.ศรีเชียงใหม่


หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัดหนองคาย จัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ไตรมาสที่ 3 เปิดบริการให้คำแนะนำปรึกษาถึงพื้นที่โดยตรง เน้นการแก้ปัญหาทางวิชาการเกษตรที่เป็นปัญหาเร่งด่วน และสามารถแก้ไขได้ในพื้นที่ อ.ศรีเชียงใหม่


วันที่ 29 พ.ค.2567 ที่ หอประชุมโรงเรียนพานพร้าว ต.พานพร้าว อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย นายรัฐศาสตร์ ชิดชู รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานเปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร  ไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2567 โดยมีนายเวียน ธรรมสอน เกษตรจังหวัดหนองคาย กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของโครงการฯ พร้อมนายจรัญ กลางประดิษฐ นายอำเภอศรีเชียงใหม่ จนท.ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัดหนองคาย ผู้อำนวยการโรงเรียนพานพร้าว ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัดและระดับอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และเกษตรกรในพื้นที่เข้าร่วม






จังหวัดหนองคาย โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดหนองคาย และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ ฯ ไตรมาสที่ 3 มีวัตถุประสงค์ เพื่อเปืดให้บริการและแก้ไขปัญหาทางด้านการเกษตร แก่เกษตรกรได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ เกษตรกรมีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งแต่ละคลินิกจะนำเจ้าหน้าที่ นักวิชาการ วัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือในห้องปฏิบัติการแบบเคลื่อนที่ มาให้บริการ ให้คำแนะนำปรึกษาถึงพื้นที่โดยตรง เน้นการแก้ปัญหาทางวิชาการเกษตร ที่เป็นปัญหาเร่งด่วน และสามารถแก้ไขได้ ดังนั้นหน่วยงานที่มาเปิดให้บริการ ซึ่งเป็นการบูรณาการความร่วมมือ ระหว่างหน่วยงานวิชาการ กับหน่วยงานส่งเสริมการเกษตร ประกอบด้วย คลินิกดิน, คลินิกพืช, คลินิกข้าว, คลินิกสหกรณ์, คลินิกบัญชี, คลินิกปศสัตว์, คลินิกประมง, คลินิกกฎหมาย (ส.ป.ก.), คลินิกชลประทาน, คลินิกหม่อนไหม, คลินิกการยาง, คลินิกศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร ในสังกัดกรมส่งเสริมการเกษตร ตลอดจนคลินิกอื่นๆ ของภาคีเครือข่ายในจังหวัดหนองคาย




โอกาสนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ได้เป็นเกียรติมอบพันธุ์ข้าวพระราชทานให้แก่เกษตรอำเภอ ทั้ง 9 อำเภอของจังหวัดหนองคาย  และมอบพันธุ์ปลาน้ำจืดให้แก่ผู้นำหมู่บ้านทั้ง 12 หมู่บ้านในพื้นที่ตำบลพานพร้าว  พร้อมเดินเยี่ยมชมนิทรรศการการให้บริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ ฯ ของหน่วยงานต่างๆ ให้กำลังใจ และพบปะพูดคุยกับน้องชาวเกษตรกรเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ มีเกษตรกรในพื้นที่อำเภอศรีเชียงใหม่ และอำเภอใกล้เคียง มาเข้ารับบริการ ประมาณ 150 คน